Joker
Joker
Joker
รีวิวหนัง โรงภาพยนตร์ | Joker : โจ๊กเกอร์
โจ๊กเกอร์ เป็นภาพยนตร์ แนวจิตวิทยาระทึกขวัญ กำกับการแสดงโดยท็อดด์ ฟิลลิปส์ ซึ่งนอกจากกำกับการแสดงแล้วเขายังเป็นผู้ร่วมเขียนบทในภาพยนตร์เรื่องนี้กับ สก็อต ซิลเวอร์ นักเขียนบทภาพยนตร์ชาวอเมริกันเชื้อสายยิว โดยเนื้อเรื่องสร้างจากตัวละครในดีซีคอมิกส์ นำแสดงโดย วาคีน ฟินิกซ์ ผู้รับบทเป็น อาร์เธอร์ เฟล็ก นักแสดงตลกผู้มีปัญหาทางจิตที่กลายมาเป็นอาชญากรของเมืองกอแทมนาม โจ๊กเกอร์ ร่วมด้วย รอเบิร์ต เดอ นิโร, ซาซี บีตซ์, ฟรานเชส คอนรอย, เบร็ต คัลเลน และเกล็น เฟลชเลอร์
เรื่องย่อJoker
ว่าด้วยเรื่องราวของอาเธอร์ชายหนุ่มที่จิตใจไม่ปกติ เวลาที่เกิดความเครียดหรือเศร้าก็มักจะเกิดอาการหัวเราะออกมาอย่างหยุดไม่ได้ เขาดิ้นรนทำอาชีพเป็นนักแสดงตลกเพื่อดูแลแม่ที่ป่วยของตนเอง แต่อาเธอร์ก็ถูกสังคมเหยียดหยาม ทำร้ายทารุณซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนทำให้จิตใจของอาเธอร์นั้นดำดิ่งเข้าสู่ด้านมืด จากคนที่อ่อนแอไม่สู้คนก็ได้กลายเป็นอาชญากรที่ฆ่าคนได้อย่างเลือดเย็นและไม่มีความรู้สึกผิดแม้แต่น้อย
ว่าด้วยเรื่องการแสดง วาคิน ฟินิกซ์ ควรได้รับออสการ์สาขานักแสดงนำฝ่ายชายไปอย่างไม่ต้องตัดสินอะไรมาก เพราะเรื่องนี้นักแสดงต้องแสดงความเจ็บปวด ความโดดเดี่ยว ความสิ้นหวัง ออกมาให้ได้ทั้งที่ยังยิ้มอยู่ ทั้งที่ยังหัวเราะเหมือนคนบ้าอยู่ ถ้าเป็นนักแสดงที่ไม่มีความสามารถพอมาเล่นบทนี้ บอกได้เลยว่าตัวละครโจ๊กเกอร์ตัวใหม่นี่อาจทำให้คนดูเราตลกและไม่อินก็เป็นได้ เพราะบทมันมีหลายอย่างหลายสิ่งมากที่เรียกร้องการแสดงขั้นสูงไม่ว่าจะเป็นเรื่องการแสดงออกมาทางบุคลิกภาพ การแสดงออกทางท่าทาง การแสดงออกทางสายตาหรือการแสดงอีกหลายๆอย่างเลยถ้านักแสดงไม่เก่งพอไม่ทะเยอทะยานพอ ยังไงหนังเรื่องนี้คงไปไม่รอด
จากเนื้อเรื่องJoker
หนังเปิดเรื่องมาด้วยการแนะนำให้เรารู้จักกับ Arthur Fleck ชายวัยกลางคน ที่กำลังนั่งฉีกยิ้ม พร้อมคราบน้ำตา ก่อนจะออกไปรับงานแสดงเป็นตัวตลก เราเห็นแววตาอันเศร้าสร้อยของเขา และเห็นรอยยิ้มปลอมๆที่เขาต้องทำตลอดเวลา ตั้งแต่ตอนเริ่มต้น แม่ของเขา Penny Fleck สอนให้เขาทำหน้ายิ้มไว้เสมอ (Wear a happy face) และเขาก็ทำมันอย่างเคร่งครัด
Arthur ป่วยเป็นโรคที่ไม่สามารถคุมเสียงหัวเราะของตัวเองได้ เขามักจะโพล่งหัวเราะออกมาในสถานการณ์ที่ไม่เหมาะสมอาการหัวเราะแบบไม่ถูกกาละเทศะนี้เป็นบ่อยจนเขาต้องพกการ์ดติดตัวไว้ ให้คน ”ปกติ” ได้รับรู้ว่าเขาไม่ได้แกล้ง หรือเป็น “บ้า” มันเป็นโรคทางระบบประสาทจริง ๆ แต่ถึงอย่างนั้น ผู้คนก็ไม่เข้าใจ และมักมองเขาด้วยสายตาแปลกประหลาด เชิงรังเกียจ เกิดเป็นการตีตราบาปทางสังคม (Social Stigma) ว่าเขาเป็นคนบ้า และไม่ค่อยมีใครกล้าเข้าใกล้ จึงไม่แปลกใจที่ชีวิตของ Arthur นั้น ดูโดดเดี่ยวเหลือเกิน
หนังแสดงให้เราเห็น Arthur ในแง่มุมการเป็นคนธรรมดา หาเช้ากินค่ำ ที่ต้องทำงานหาเลี้ยงชีพไปวันๆ ด้วยอาชีพตัวตลก เห็นความไม่มีกิน อดอยาก ด้วยสภาพตัวเอกเราที่ผอมแห้งเห็นกระดูก เห็นแง่มุมที่เขาเป็นคนมีจิตใจ “ดี” โดยแสดงออกผ่านฉากที่เขาเล่นกับเด็กๆ ผ่านการแสดงให้ผู้ชมเห็นว่าเขาเป็นลูกที่ดี ที่เลี้ยงดูแม่ ทั้งอาบน้ำ หาอาหารให้ทาน ซึ่งเขาสามารถดูแลแม่ที่เจ็บป่วยอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
จนเมื่อถูกแก๊งเด็กเลวขโมยป้าย ก็ต้องวิ่งตามไปเองโดยไม่มีแม้ตำรวจ หรือพลเมืองดี ยื่นมือช่วยเหลือ เขาถูกรุมกระทืบ นอนร้องไห้ด้วยความทรมาน แถมยังมาโดนเจ้านายหักค่าป้ายที่พังเพราะเด็กเลวพวกนั้นไปอีก
หนังดำเนินไปอย่างเงียบเหงา กดดัน และหดหู่มากขึ้นในทุกขณะ จนเรื่องเริ่มร้ายแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อเขากำลังกลับบ้านหลังจากเลิกงานตัวตลกรับจ้างด้วยรถไฟใต้ดินตามปกติ ทว่าได้เจอกับพวกกุ๊ยมีตังค์สามคน ที่กำลังพยายามหยอกล้อกับหญิงสาวคนหนึ่ง ซึ่งแน่นอนว่าเธอไม่เล่นด้วย และโรคควบคุมการหัวเราะของอาเธอร์ก็กำเริบ จนท้ายที่สุดเขาก็ปรอทแตก หยิบปืนพกที่หามาไว้ป้องกันตัวจากพวกเด็กเกรียน ออกมายิงเหล่ากุ๊ยตายคารถไฟใต้ดินทั้งสามศพ ซึ่งเหตุการณ์นี้เอง ที่ได้เป็นจุดเริ่มต้นให้ “ตัวตลก” กลายเป็นสัญลักษณ์ของ “การต่อต้านสังคม” ของชนชั้นล่างที่กำลังจะเติบโตขึ้นอย่างช้า ๆ
ทั้งหมดทั้งมวลที่เกิดขึ้น ทำให้มนุษย์สามัญคนธรรมดาคนนึงที่ไม่มีแม้กระทั่งคนที่เขาสามารถเรียกได้อย่างเต็มปากว่า “เพื่อน” แม้แต่คนเดียว ฉุกคิดได้ว่าสิ่งเดียวที่เขาจะทำให้กับตัวเองได้ สิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกเป็นอิสระ รู้สึกมีตัวตนในสังคม ก็คือการ “หักดิบ” หรือ “ล้างแค้นสังคมที่ไม่เคยเห็นหัว” ในที่สุดฟ้าก็มีตา เมื่อคลิปตลกแป๊ก ๆ ของเขาไปเตะตาพิธีกรชื่อดังอย่าง “เมอเรย์ แฟรงคลิน” (รับบทโดยป๋า โรเบิร์ต เดอ นิโร) เข้า และได้รับเชิญไปออกรายการคอมเมดี้ทอล์คโชว์ชื่อดัง
แน่นอนว่าอาเธอร์ ชายหนุ่มไร้ค่าที่จิตใจเต็มไปด้วยความเศร้า ความโกรธเคือง ความเวทนาที่มีทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนั้นได้มาถึงขีดสุด เขาจึงตัดสินใจวางแผนอย่างถี่ถ้วน ศึกษาและเตรียมท่าทางการเปิดตัวจากเหล่าคนดังทั้งหลาย ร่างบทสปีชทั้งหมดไว้หัว และ “มุกไม้ตาย” ก่อนที่จะลงมือทำสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด นั่นก็คือการ “ฆาตกรรมไลฟ์โชว์” ยิงเข้าแสกหน้าพิธีกร “เมอเรย์ แฟรงคลิน” เพื่อเป็นการประกาศให้ทุกคนทุกชนชั้นได้รู้ว่า “เวลาของการเปลี่ยนแปลงได้มาถึงแล้ว”
- เป็นหนังที่ถ่ายทอดความรู้สึกของคนๆหนึ่งที่ว่ากว่าเขาจะกลายเป็นคนแบบนี้ในปัจจุบันเขาต้องเจออะไรมาบ้าง และทำให้คนดูเราคล้อยตามความรู้สึกของตัวละออกมาได้อย่างดีเยี่ยมจนไม่มีที่ติ บวกกับการแสดงของ วาคิน ฟินิกซ์ที่สามารถแสดงออกมาได้อย่างงดงามและทำให้คนเราเข้าถึงตัวละครได้ คะแนน 9/10
รับชมตัวอย่างหนัง : โจ๊กเกอร์
ติดตามข่าวสารหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนัง