Squid Game

Squid Game

Squid Game

Squid Game

รีวิวหนัง Netflix | Squid Game : สควิดเกม เล่นลุ้นตาย

“สควิดเกม เล่นลุ้นตาย” เป็นซีรีส์ที่เล่าเรื่องการแข่งขันเอาตัวรอดของผู้เล่น 456 คน เพื่อเงินรางวัล 45,600 ล้านวอน โดยพวกเขาต้องเอาชนะเกมการละเล่นพื้นบ้านของเด็กเกาหลีใต้ และมีชีวิตรอดเป็นคนสุดท้ายให้ได้ หากทำผิดกฎหรือแพ้ในเกมนั้น ๆ จะต้องจบชีวิตลงทันที

เรื่องย่อซีรีส์Squid Game

สังคมมันดี แต่ชีวิตมันห่วย ทำยังไงดีตัวเลือกในชีวิตมีน้อยเหลือเกิน เรื่องราวเริ่มต้นจากความทุกข์ยากของพระเอก ซองกีฮุน (รับบทโดย อีจองแจ) ที่ไม่มีอะไรเลย ใช้ชีวิตแบบเกาะแม่ ครอบครัวหย่าร้าง เป็นแรงงานระดับล่าง และยังเอาเงินไปเล่นการพนันการแข่งม้า แม้เขาจะได้เงินมาจากการพนันจำนวนหนึ่ง แต่ดูหนี้สินที่เยอะเกินบรรยายทำให้เจ้าหนี้มาตามทวงหนี้ไม่หยุด แถมเงินที่พนันมาได้ก็โดนขโมยไปเสียหมด และชีวิตที่ห่วยสุด ๆ ก็ทำให้ไปเจอกับชายแปลกหน้า (รับบทโดย กงยู)

Squid Game

คนหนึ่งที่ยื่นข้อเสนอให้แข่งเกมกับชายคนนั้นถ้าเขาชนะเกมจะได้เงิน ซองกีฮุนจึงตัดสินใจเล่นและก็ได้เงินจริง ๆ ชายคนนั้นก็ให้นามบัตรมาแล้วให้ซองกีฮุนโทรไปถ้าอยากได้เงินจำนวนมหาศาล คนจนตรอกที่ไม่มีอะไรเลยแบบเขาก็ตัดสินใจโทรไปและได้เข้าร่วมเกม

โดยเขาก็ได้เจอกับคนแปลกหน้ามากมายที่นี้ และเขาก็ได้เจอ โจซังอู (รับบทโดย พัคแฮซู) เพื่อนแถวบ้านที่จบจาก ม.ชั้นนำของเกาหลี เขาแปลกใจและตกใจอย่างมาก ที่นี้เป็นที่รวมตัวของกลุ่มคนที่ไม่มีความหมายสักเท่าไหร่ในสังคม ทั้งหมดได้ถูกเชิญมารวมตัวกันเพื่อเล่นเกม แต่ไม่มีใครรู้ว่าเป็นเกมเสี่ยงตาย 

Squid Game

คน 456 คน ที่ชีวิตจนตรอกสุด ๆ มารวมกันเพื่อเล่นเกม ณ ที่แห่งนี้พวกเขาจะได้เล่นเกมจำนวน 6 เกม มีเงินเดิมพันทั้งสิ้น 45,600 ล้านวอน (ประมาณ 1,300 ล้านบาท) กฎกติกาที่แสนง่ายดาย หากชนะเอาเงินไป หากแพ้ก็แค่ต้องตายเท่านั้นเอง เขาบอกว่าเกมนี้แข่งขันอย่างยุติธรรม

จากเนื้อเรื่องซีรีส์Squid Game

เรื่องเริ่มมาด้วยการปูให้เห็นสังคมที่สะท้อนถึง “นรกโชซอน” คำที่คนรุ่นใหม่ในเกาหลีใช้เรียกประเทศตัวเองที่ไม่ว่าจะพยายามให้ตายแค่ไหนก็ยากที่จะหลุดพ้นจากความจนได้ ผ่านทางสายตาของ ซองกีฮุน (รับบทโดย อีจองแจ) ชายผู้ล้มเหลวในชีวิต คนต้องฝากความหวังไว้กับการรวยจากดวงอย่างการเล่นพนันม้า และแม้ว่าเขาจะโชคดีได้เงินมา แต่หนี้สินก็ทำให้เขาไม่มีวันลืมตาอ้าปากได้ จนสมัครเข้าร่วมเล่นเกมเพราะมันคือความหวังสุดท้ายของการหลุดพ้น แม้อาจจะต้องเจอนรกอีกขุมก็ตาม

Squid Game

เช่นเดียวกับผู้เข้าแข่งขันคนอื่น ๆ ซึ่งต่างก็เป็นคนตัวแทนของกลุ่มคนที่ถูกสังคมทุนนิยมต้อนให้จนตรอกในวงจร จน เครียด เป็นหนี้ ซ้ำซ้อนไปมา ในขณะที่พวกเขาพยายามจะต่อสู้เพื่อจะมีชีวิตที่ดีกว่าเดิม

“ทุกคนเท่าเทียมกันในเกมนี้ ผู้เล่นทุกคนแข่งขันกันอย่างยุติธรรม ภายใต้เงื่อนไขเดียวกัน พวกเขาทรมานจากความไม่เท่าเทียมและการแบ่งแยกจากโลกภายนอก เราให้โอกาสสุดท้ายที่จะต่อสู้อย่างเท่าเทียมและเอาชนะได้แก่พวกเขา”

มองโดยรวมโลกในเกมช่างดูเป็นประชาธิปไตย และเท่าเทียมกว่าข้างนอกมาก มีกฏง่าย ๆ เพียง 3 ข้อคือ ห้ามหยุดเล่นโดยพลการ ผู้เล่นที่ไม่ยอมเล่นเกมจะตกรอบ  และจะสามารถยุติเกมลงได้หากผู้เล่นเกินครึ่งยินยอม ไม่มีการบังคับให้สมัครเข้าเล่นเกม ทุกคนใส่ชุดเหมือนกัน ได้รับอาหารเท่ากัน เล่นเกมภายใต้กติกาเดียวกัน แต่หากมองให้กว้างขึ้นจะเห็นความว่ามันคือความเท่าเทียมจอมปลอม

Squid Game

เพราะขณะผู้เข้าแข่งขันกำลังเดินขึ้นบันไดไปทำหน้าที่ของตน มีคนอีกกลุ่มได้ทางลัดขึ้นลิฟท์ไปอยู่เหนือพวกเขา ทั้งเจ้าหน้าที่ชุดชมพูที่ปิดหน้า ทำหน้าที่อย่างแข็งขันโดยห้ามมีความเห็น ‘ฟรอนท์แมน’ คอยคุมกฏทุกอย่างและรายงานต่อ ‘วีไอพี’ ที่คอยดูอย่างสนุกสนานโดยใช้คำว่า ‘ให้โอกาส’ เป็นการบังหน้า ทั้งที่ความจริงการทำแบบนี้ก็ป่าเถื่อนไม่ต่างอะไรกับความของนักเลงทวงหนี้เมื่อต้นเรื่อง

หากเปรียบผู้เข้าแข่งเป็นประชาชน เจ้าหน้าชุดชมพูและฟรอนท์แมนคือรัฐ วีไอพีที่มาจากหลายชาติ ก็อาจจะสื่อถึงกลุ่มธุรกิจใหญ่หรือแชโบลที่แทบจะเรียกได้ว่าครอบครองประเทศในเกาหลีใต้และทุนต่างชาติจากประเทศมหาอำนาจที่คอยชักใยทุกอย่างอยู่เบื้องหลังในจุดที่สูงกว่าจนผู้เข้าแข่งขันได้แค่ภาวนาถึง สื่อผ่านการแต่งฉากให้คล้ายเป็นสัญลักษณ์ของสวนอีเดนในสวรรค์ต่างกับนรกที่ผู้เข้าแข่งขันกำลังเผชิญ ตัวเกมเองก็เป็นการเสียดสีกฏหมายและการใช้ชีวิตในสังคม

Squid Game

ผู้เล่นที่สมัครใจเข้ามาเล่นเกมทั้งโดยไม่มีใครบังคับ ทั้งที่รู้ว่าทุกอย่างเลวร้ายเหมือนนรกเพราะมันดีกว่ารอความตายอยู่ข้างนอก ก็เหมือนกับคนที่เข้ามาสู่ระบบทุนนิยมด้วยความสมัครใจ ยอมกู้หนี้ยืมสิน แลกร่างกายและความเป็นมนุษย์ให้กับนายทุนและระบบที่บอกว่า ถ้าเพียงทำตามกติกา เอาชนะเกมได้ก็จะประสบความสำเร็จในชีวิต ทั้งที่ความจริงแล้ว มีแค่หนึ่งในหลายร้อยที่จะได้สัมผัสสิ่งนั้นหลังจากพยายามแทบตาย ในขณะทีคนอีกกลุ่มไม่ต้องทำอะไรก็อยู่บนยอดปีรามิด

หลายความเห็นอาจมองว่าเกมปลาหมึกในด่านสุดท้ายอาจไม่เร้าใจสมเป็นจุดไคล์แมกซ์ของเรื่อง แต่ความหมายที่แฝงไว้นั้นเข้มข้นสมเป็นด่านสุดท้าย เป็นการสรุปการต่อสู้ของชนชั้นแรงงานที่พยายามข้ามอุปสรรคและความไม่เท่าเทียมของชนชั้นไปสู่จุดจูงสุด ผ่านการละเล่นได้อย่างแยบยล และภาพของความยุติธรรมที่เกมสร้างไว้ก็พังทลายลงอย่างสมบูรณ์ในฉากนั้นเอง

Squid Game
  • การนำการละเล่นวัยเด็กที่แสนงดงามในความทรงจำมาทำให้เป็นเรื่องระทึกขวัญ คือ จุดเด่นหลักที่ซีรีส์เรื่องนี้สามารถสร้างความนิยมได้อย่างดี และอีก 1 ตัวเอกของความน่ากลัว ก็คงหนีไม่พ้นตุ๊กตาจากเกม AEIOU เรียกว่ามาแบ๊ว ๆ แต่สยองและโหดแบบสุด ๆ เปลี่ยนภาพลักษณ์ความน่ารักเป็นความสยองขวัญภายในจิตใจคนดูเพียงเสี้ยววินาที และเราเชื่อว่า Squid Game จะเป็นมากกว่าซีรีส์ เพราะจากเห็นปรากฏการณ์ของซีรีส์เรื่องนี้ก็คือสามารถเอาคอนเทนต์ ไอเดีย และองค์ประกอบของเรื่องไปต่อยอดได้อีกมาก คะแนน 8/10

รับชมตัวอย่างหนัง : สควิดเกม เล่นลุ้นตาย

ติดตามรีวิวหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

รีวิวหนังเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม

รีวิวหนังน่าสนใจ