เนื้อเรื่อง :: Star Wars The Rise of Skywalker
ชะตากรรมของฝ่ายต่อต้านถูกเดิมพันด้วยการตามหาตัว Pulpatine (เอียน แมกเดียมิด) จักรวรรดิชั่วร้าย เป็นภารกิจที่ต้องร่วมมือกันของเรย์ (เดซี ริดลีย์) Beautiful (จอห์น โบเยกา) Po (ออสการ์ ไอแซก)และ C3PO กับ BB8 คู่หู Android สายซับ ก่อนกาแล็กซีจะต้องเผชิญหน้ากับการ Genocide ครั้งใหญ่อีกครั้ง ในขณะที่เรย์เองก็เริ่มสับสนกับทางเลือกบนวิถีแห่ง Jedi
และการผสานพลังระหว่างเธอกับ Kyloraine (อดัม ไดร์ฟเวอร์) ที่อาจจะดึงเธอเข้าสู่ด้านมืดได้อย่างง่ายดายรวมถึง Birthplace แท้จริงแล้วเธออาจจะทำอะไรสักอย่างเพื่อพลิกชะตากรรมของทั้ง Galaxy ไปตลอดกาล มาร่วมกันลุ้นกับปัจฉิมบท ล่าสุด ของ Epic “สตาร์วอร์ส” ได้แล้ววันนี้
หลังปลุกตำนาน Star wars ด้วย กองทัพตื่นขึ้น เจ เจ เอบรามส์ ก็ได้ฤกษ์กลับมาปิดตำนานที่เขาปลุกพลังแฟนบอยทั่วโลกขึ้นมาอีกครั้ง หลังจากส่งไม้ต่อให้ Ryan Johnson ผู้กำกับหัวก้าวหน้า
(ที่เพิ่งปล่อย Knives Out มากวาดเสียงชมจากนักวิจารณ์) จนทำให้ เจไดคนสุดท้าย กลายเป็นภาคที่นักวิจารณ์ชมแต่แฟนหนังต่อต้านจนดิสนีย์ต้องดึงตัว JJ Abrams กลับมากุมบังเหียนการปิดตำนานครั้งนี้ให้ได้ใจแฟนบอยที่สุด
มันเลยหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่เราจะเกิดอาการเดจาวูกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ ไตรภาคต้นฉบับ อย่าง ความหวังใหม่, จักรวรรดิตีกลับ และ การกลับมาของเจได ในแง่คุณภาพที่ Part 2 ดูจะอยู่เหนือภาคอื่น ๆ และการปิดตำนานใน Trilogy นั้นก็ลงเอยด้วยการเป็นหนังบันเทิงล้วน ๆ
ซึ่งก็คือสิ่งที่ การเพิ่มขึ้นของสกายวอล์คเกอร์ ไม่ได้หลุดพ้นแต่อย่างใด แต่กระนั้นหากจะบอกว่ามันเป็น “Bad class leather” ก็คงต้องขอค้านสุดตัวทั้งในฐานะแฟนบอยของซีรีส์ Star wars และในฐานะคนดูหนังเพื่อความบันเทิงคนหนึ่ง
หนึ่งใน Main heart ของหนังคือเรื่องครอบครัวและความรัก ซึ่งเราอาจกล่าวได้ว่าข้อดีที่สุดของ การเพิ่มขึ้นของสกายวอล์คเกอร์ คือการผสานอารมณ์ Romantic เข้ามาในเรื่องราวนี่แหละ เพราะหากกล่าวถึง Star wars ให้กับคนที่อยู่นอกเหนือ “กาแล็กซีอันไกลโพ้น” แล้ว อาจไม่เข้าใจว่าทำไมต้องมาดูหนังที่ “Spanking character” และมีเนื้อหาซับซ้อนเชิงปรัชญาเช่นนี้ ก็คงเป็น Romantic mood นี่แหละ
นับตั้งแต่ความสัมพันธ์รักสามเศร้าระหว่าง Luke Skywalker และ ฮาน โซโล กับ เลอา ในไตรภาคต้นฉบับ ถึงเจ้าหญิง Amidala กับอนาคิน สกายวอล์คเกอร์ ในไตรภาคปฐมบท มาสู่ไคโล เรน และเรย์ในไตรภาคปิดตำนาน Sky Walker
ที่ต้องยอมรับว่ามันกลายเป็นส่วนผสมชั้นดีให้หนังไซไฟที่ดู Testosterone พลุ่งพล่านได้มีพื้นที่ให้ Girls ได้คล้อยตามไปกับ War movie อวกาศชุดนี้ได้ ซึ่งการเพิ่มขึ้นของ Sky walker ก็นำอารมณ์โรแมนติกที่ปูไว้ใน sector เจไดคนสุดท้าย มาสานต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพ
เพราะด้วยเนื้อเรื่องที่คราวนี้ก็ยังวนเวียนกับ Dark side ด้านสว่าง การเอาความรักฉบับ “Bluetooth Mental” ของทั้งคู่มาใช้เป็นกลไกในการเล่าเรื่องก็นับว่าชาญฉลาดไม่น้อย และที่สำคัญเคมี between เดซี ริดลีย์ กับ อดัม ไดร์ฟเวอร์ ก็ชวนจิ้นจนเผลอฟินตามไม่ได้เสียด้วย โดยเฉพาะ Cool scene ที่อยากให้ไปดูในหนังเอาเอง งู้ย…เขิลลลล.
ต่อจากนี้ เราอาจจะยังบอกไม่ได้ Clear ว่านอกเหนือจากหนังและซีรีส์จากจักรวาล Star wars หรือ Star Wars The Rise of Skywalker ที่จะลงในช่อง ดิสนีย์พลัส แล้ว เราจะมีโอกาสได้ชม This movie ในโรงอีกหรือไม่ แต่กับ การเพิ่มขึ้นของสกายวอล์คเกอร์
แม้จะมีคะแนนมะเขือเน่ามาทำให้หวั่นไหวอยู่บ้าง แต่จากการชมจริง ตัวหนังก็ทำหน้าที่ Legend off ได้ดี มีหลายโมเมนต์ให้ได้ laugh ปรบมือ และ Cry ให้มัน จนไม่อยากให้ “Just missed” เพราะ “หนังมันไม่ใหม่” เท่านั้นเองครับ
รับชมตัวอย่าง :: Star Wars The Rise of Skywalker
ติดตามข่าวสารวงการภาพยนตร์เพิ่มเติมได้ที่ :: รีวิวหนังใหม่