รีวิวNetflix The Naked Director Ss2 ช่วงแรกรสชาติดีเหมือนเดิม ช่วงดราม่ายาวไปหน่อย
รีวิวNetflix The Naked Director Ss2 โป๊ บ้า กล้า รวย ซีซั่น2 Original Netflix บทสรุปสุดท้ายของผู้กำกับหนัง AV รุ่นใหญ่อย่าง มุรานิชิ ที่เขามีความตั้งใจและมุ่งมั่นจนสูงเกินไป จนส่งผลกระต่อตัวเองและคนรอบข้างเป็นอันต้องปิดฉากตำนานของตัวเองลงในที่สุด
ซีรีส์ญี่ปุ่นที่นำเสนอเรื่องราวของผู้กำกับหนัง AV รุ่นแรกๆที่มีนามว่า “ โทรุ มุรานิชิ ” หลังจากจบช่วงปฏิวัติใหญ่วงการใน ซีซั่นแรก และมาเริ่ม ซีซั่นที่2 ก็เริ่มต้นในช่วงขาขี้นของ มุรานิชิ ที่สร้างหนังออกมาหลากหลายรูปแบบและขายดีไปจนหมด แล้วมันก็ไปเพิ่มความทะเยอทะยานให้ตัวเขาอยากที่จะก้าวหน้าไปยันวงการทีวีดาวเทียม ซึ่งเป็นสื่อรูปแบบใหม่ที่กำลังมาแรงในสุดๆในยุคนั้น แต่ถึงอย่างไรก็ตามมันยังไม่เคยมีอะไรที่มันบ้าแบบนี้มาก่อน แต่ในการตัดสินใจไปให้ถึงจุดนั้นก็ต้องผ่านเรื่องราวและอุปสรรคหลายอย่างมากมาย จากกลุ่มนายทุนรายใหญ่ เจ้าพ่อในวงการ ทีพยายามทำทุกวิธีทางเพื่อไม่ให้ มุรานิชิ เขามาในวงการทีวีดาวเทียมของพวกเขาเพื่อไปใช้ออกอากาศหนัง AV ตามตามความต้องการที่ มุรานิชิ วาดฝันเอาไว้ว่าจะเป็นอนาคตไปที่มาแทนที่สื่อเดิม
ในช่วงครึ่งแรกของ The Naked Director Ss2 ยังคงรสชาติเดิมที่หากใครได้รับชม ซีซั่นแรก ก็จะคุ้นเคยกับความสนุกเรื่องราวแบบนี้ ยังคงเป็นการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์วงการหนัง Av เช่นเดิม ตัวเรื่องได้ทำการยกระดับความบ้าบอที่วาดฝันไว้ของตัวละครที่พยายามจะหาเงินมาให้ได้เยอะๆ เพื่อที่จะซื้อสิทธิการเข้าถึงในการซื้อดาวเทียม เนื่องด้วยเหตุผลของ คลื่นทีวีปกติ ได้ออกกฏหมายมามากมายที่ยากจะเปลี่ยนหรือหาทางออกสำหรับ มุรานิชิ ซึ่งการหารายได้จากหนังเพื่อที่จะได้เงินเยอะๆ ที่สร้างและปล่อยออกมาจำนวนมากๆ จนไม่สนใจคุณภาพของผลงาน หรือ การอาศัยกระแสดราม่า ข่าวซุบซิบ ดราราดังมาทำเป็นหนังล้อเลียน จนทำให้แฟนคลับของดาราดังต่างออกมาประท้วงเรื่องต่างๆยังลามไปถึงปัญหาในเรื่องของตัวกฏหมาย ทำให้เขาแตกหักกับ “ คาวาดะ ” คู่หูที่ร่วมสร้างและก่อตั้งบริษัทมาอีกคน จนเกิดเรื่องราวที่ทำให้ถึงจุดแตกหักแตกเป็นตัวละครหลัก 3 คน ซึ่งก็คือ มุรานิชิ ที่ต่างหมกหมุ่นอยู่กับการหาเงินมาเพื่อซื้อทีวีดาวเทียมจนหลงลืมแนวทางการทำงานและต้องเสีย โอรุ ดาวเด่นประจำค่ายไป จึงเป็นปมหลังจากที่หนังเล่นในซีซั่นแรก คาโอรุ ก็ไม่มีผลงานต่อมาเลย แถมยังมีตัวละครใหม่มาเพิ่มคือ มิยูกิ หญิงสาวที่ขี้อายที่จะมาต่องานดาวเด่น ซึ่งท้ายที่สุดก็กลายเป็นอีกหนึ่งจุดแตกหักไปอีกคน และนี้จึงเป็นจุดเริ่มต้นของการล่มสลายของ มุรานิชิ อีกด้วย
ในส่วนของ คาวาเดะ จะนำเสนอเรื่องราวของช่วงชีวิตที่ตกต่ำหลัง มุรานิชิ ได้ทำการขอถอนตัวไปพร้อมๆกับทีมงานทั้งหมดของบริษัทจึงไม่มีใครติดตามเขาเลย เหตุผลนี้เองจึงทำให้บริษัทแซฟไฟร์ที่ก่อตั้งร่วมกันต้องเป็นอันหยุดผลิตผลงาน แถม คาวาเดะ ก็มีปัญหาเกี่ยวกับตัวเขาเองคือไม่มีอารมณ์ทางเพศ กับแนวปกติอีกตอนไป จึงทำให้เขาไปหาอะไรทำที่แปลกๆพิสดารขึ้น เรื่อยๆ อย่างแนวซาดิสต์ หรือพึ่งอุปกรณ์ช่วยตัวเอง โดยมีหุ่นตุ๊กตายางเป็นแฟนสาวของเขา ซึ่งเรื่องราวของ คาวาดะ ไม่ได้มีเนื้อหาอะไรสำคัญมาก นอกจากแึ้เป็นการอยู่ของบริษัทแซฟไฟร์ ภายใต้การบริหารของ คาวาดะ ที่คนในบริษัทต่างไม่รับฟังหรือเชื่อถือในตัวเขา แต่เขาก็กลับพาบริษัทรอดกลับมาได้อีกครั้งด้วยฝีมือของตัวเขาเอง ซึ่งก็น่าเสียดายนิดนึงที่ตัวเรื่องน่าจะเอาแนวพิศดารของเขาไปเสริมในหนัง AV หรือพัฒนามาเป็นจุดเริ่มต้นของ เซ็กส์ทอย แต่กลับไม่มีตรงนี้มาเกี่ยวหรือเสริมเพิ่มเติม แม้จะปูเนื้อเรื่องเกี่ยวกับรสนิยมที่น่าจนในของเขามาตลอด
อีกคนคือ โทชิ ที่ได้หันไปเป็นลูกน้องของกลุ่มยากูซ่าในตอนจบของซีซั่นแรก เปิดมาซีซั่นที่2 ทำให้เห็นว่าแม้เขาจะมีมาดนักเลง แต่ โทชิ กลับไม่เหมาะกับงานที่เขาเลือกทำตอนนี้เลย และก็ไม่มีความสุขกับการที่เขามาเป็นยากูซ่า แต่ก็ออกมา เฉยๆ ไม่ได้ โทชิ จะได้พบกับ “ซายากะ” สาวพนักงานบาร์มากเสน่ห์ที่เป็นเด็กของ “ฟุรุยะ” หัวหน้ากลุ่มยากูซ่าและ โทชิ ก็แอบชอบเธออยู่แบบเงียบๆ ซึ่งก็ได้กลายมาเป็นปัญหาเรื่องความขัดแย้งในภายหลัง โดยเนื้อเรื่องของ โทชิ จะค่อยๆ วนกลับมาสู่วงการหนังผู้ใหญ่ ในช่วงท้าย และเป็นคนปิดปมปัญหาต่างๆทุกอย่างในเรื่อง ซึ่งออกมาทางแนวดราม่าหนักมากๆ
ในช่วงครึ่งแรกของเรื่องของทุกคนนอกจาก โทชิ ยังคงวนเวียนอยู่เกี่ยวกับเรื่องวงการหนัง AV เป็นหลัก และก็ได้เสิร์ฟลูกบ้าจากคาแรกเตอร์เพี้ยนๆ ของ มุรานิชิ ได้เหมือนกับซีซั่นแรกไม่มีผิดเพี้ยน ทำให้เรื่องราวยังคงสนุกไม่ได้เปลี่ยนแปลง และมีการเพิ่มกิมมิคเล็กๆน้อยๆ ของวงการ AV มาให้ดูด้วย อย่างฉากน้ำแตกใส่หน้านักแสดงเริ่มมาจากไหนจนกลายเป็นเทรนด์ทำตามๆ กันในหนัง AV ญี่ปุ่นจนถึงปัจจุบัน หรือการที่จะพยายามบุกเบิกไปยังทีวีดาวเทียมก็ยังดูน่าลุ้นว่าจะออกมาในทิศทางไหน มีกระทั่งการพยายามจะลงสมัคร สส ของ มุรานิชิ เพื่อเข้าไปเปลี่ยนแปลงกฏหมายเกียวกับวงการหนังผู้ใหญ่ ซึ่ง คาโอรุ ก็ เป็นผู้สนับสนุนของการกระทำของ มุรานิชิ ตลอดเวลา แม้ตัวเองจะไม่ได้เล่นหนัง AV อีกแล้วก็ตาม เหตุเพราะกลายมาเป็นดาราดังที่ถูกเชิญไปออกรายการทีวีประจำ แถมยังได้รับงานพรีเซนเตอร์สินค้า แถมยังได้รับงานพรีเซนเตอร์สินค้า ซึ่งเป็นครั้งแรกที่สังคมยอมให้นักแสดง AV ได้มีตัวตนตรงนี้ขึ้นมาและสิ่งเหล่านี้ที่เรื่องสอดแทรกลงไปก็เรื่องจริงในประวัติศาสตร์วงการหนังผู้ใหญ่ในญี่ปุ่นอีก
แต่ก็ต้องกล่าวก่อนเลยว่าในเรื่องของความสนุกสนานนั้นได้หายไปจนเกือบไม่เหลือความสนุกรสชาติเดิมเมื่อตัวซีรี่ย์ได้เดินเข้าสู่ช่วงครึ่งหลัง เนื้อเรื่องหลังจากที่ มุรานิชิ ได้ทีวีดาวเทียมมาจากการที่ดูแลและบริหารที่ผิดพลาดจนกลายเป็นหนี้สินมากมายมหาศาล จนต้องไปเกี่ยวพันกับการยืมเงินกลุ่มยากูซ่า เรื่องกลายเป็นแนวเครียดมากๆ ดราม่าจัด ด้วยหลากหลายอย่างที่ต่างถาโถมเข้ามาใส่ตัว มุรานิชิ แบบไม่มีหยุด ซึ่งโอเคก็มาจากโครงเรื่องจริงที่เป็นจุดตำต่ำของเขา แต่ก็ทำให้ช่วงครึ่งหลังนี้ขาดเสน์ห์แบบที่ผ่านมาไปจนหมด และก็ไม่มีช่วงที่ใช้เวลาการบริหารทีวีดาวเทียมให้ดูจริงจังอย่างที่คนดูได้ตั้งความหวังว่าจะได้ดูลูกบ้าตรงนี้ เพราะเรื่องเล่นตัดตอนว่าเขาต้องหาเงินค่าสัญญางวดแรกให้ได้ ซึ่งก็ไปไม่ถึงไหนก็ต้องพังซะไม่เป็นท่าก่อน จากการที่วงเวียนกับเรื่องการเบี้ยวหนี้หนีหนี้ ทำตัวเละเทะของ มุรานิชิ จนทำให้ลูกทีมทั้งหมดรับไม่ได้กับพฤติกรรมของเขา ซึ่งดราม่าช่วงนี้ยืดยาวต่อไปจนเกือบจบ ต้องยอมรับว่าเป็นเรื่องราวที่ยาวนานและถือว่าน่าเบื่อด้วยก็ได้ เพราะว่าหากได้รับชมซีซั่นแรกมาก็จะมีการตั้งความหวังแต่พอมาซีซั่นนี้กลับไม่เป็นอย่างที่ตั้งความหวังไว้ แต่กลับต้องมาดูการนำเสนอเรื่องราวดราม่าหนักจนเกินไป ซึ่งไม่ใช่แค่ตัว มุรานิชิ แต่เป็นเรื่องราวดราม่าของทุกตัวละครในเรื่องจากปัญหาบริษัทล้มละลาย แตกสายเป็นทางใครทางมันและแทบจะไม่มีใครได้ดีเลย ซึ่ง ตัวเนื้อเรื่องจะพยายามสะท้อนกฏแห่งกรรมให้ไปลงกับทุกตัวละครจนดูจงใจแปลกๆ ว่าการมาของวงการหนัง AV นี่เป็นความผิดบาปหรือยังไง ทำไมเหล่าตัวละครต้องพบกับซะตากรรมแบบนั้นกันหมด ไม่เว้นแม้แต่ คาโอรุ ที่มั่นใจในเรื่อง SEX เสรีของตัวเองมากก็ยังโดนไปด้วย แม้จะเป็นบทสรุปแบบที่มีเหตุผลรองรับเข้าใจได้ แต่มันก็ไม่ใช่แนวสนุกๆ ตามธีมเรื่องแบบที่ผ่านมาเลยจนทำให้เสน่ห์เหล่านั้นหดหายไปจนหมดสิ้นในครึ่งหลัง
ซีรีส์จบลงที่ซีซั่นนี้และไม่มีการสร้างภาคต่อีกแล้ว เพราะเป็นการนำเสนอบทสรุปปิดท้ายเรื่องราวทั้งหมดซึ่งแม้ครึ่งหลังของเรื่องอาจไม่สนุกแบบที่คาดหวังไว้ แต่หากใครที่ได้รับชมซีซั่นแรกมาแล้วก็อยากแนะนำให้รับชมจนจบ เพราะจะได้ไม่คาใจว่าเรื่องราวจบลงยังไงกับทุกตัวละคร
จุดเด่น
*ครึ่งแรกยังคงสนุกตามฉบับเดิมที่คุ้นเคยในซีซั่นแรก
*แทรกเนื้อหาที่มาของฉากสำคัญในวงการ AV
*ตัวละครใหม่มาเสริมทัพ
จุดด้อย
*เนื้อหาในช่วงครึ่งหลังหนักไปทางดราม่าหนัก ๆ ธีมของเรื่องเปลี่ยนไปมีปมปัญหากับยากูซ่าเป็นหลัก
*บทสรุปเศร้ารันทดเกือบทุกคนเหมือนเป็นเรื่องตั้งใจให้เป็นแนวชดใช้กรรมตรง ๆ ไป
รับชมตัวอย่างหนัง : The Naked Director Ss2
ติดตามการ รีวิวNetfix เพิ่มเติมได้ที่ : รีวิวหนังใหม่
รับชม หนังใหม่2021 เพิ่มเติมได้ที่ : ดูหนังใหม่HD