รีวิวหนัง ภาพยนตร์ | Bad Genius : ฉลาดเกมส์โกง
รีวิวหนัง ภาพยนตร์ | Bad Genius
ฉลาดเกมส์โกง (อังกฤษ: Bad Genius) เป็นภาพยนตร์ไทยที่ออกฉายในปี 2560 แนวจารกรรม-ระทึกขวัญ ร่วมเขียนบทและกำกับโดย นัฐวุฒิ พูนพิริยะ ผู้มีชื่อเสียงจากผลงาน เคาท์ดาวน์ นำแสดงโดย ชุติมณฑน์ จึงเจริญสุขยิ่ง, ชานน สันตินธรกุล, อิษยา ฮอสุวรรณ และ ธีรดนย์ ศุภพันธุ์ภิญโญ
ภาพยนตร์เรื่องนี้ผลิตโดยจอกว้างฟิล์ม และจัดจำหน่ายโดยจีดีเอช ห้าห้าเก้า ว่าด้วยเรื่องราวของนักเรียนชั้นมัธยมปลายกลุ่มหนึ่งที่คิดหารายได้จากการโกงข้อสอบระดับนานาชาติ โดยอ้างอิงเหตุการณ์โกงข้อสอบ การทดสอบการใช้เหตุผลเอสเอที ที่เกิดขึ้นในประเทศจีนเป็นเหตุการณ์และเค้าโครงเรื่องต้นแบบ
ภาพยนตร์เรื่องนี้เข้าฉายในประเทศไทยอย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 3 พฤษภาคม พ.ศ. 2560 และได้รับเลือกให้เป็นภาพยนตร์ฉายเปิดเทศกาลภาพยนตร์เอเชียนิวยอร์ก (New York Asian Film Festival – NYAFF) ครั้งที่ 16 ณ สหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 30 มิถุนายนของปีเดียวกัน ทั้งนี้ฉลาดเกมส์โกง ยังเป็นภาพยนตร์ไทยเรื่องแรกที่ถูกนำไปรีมาสเตอร์เพื่อเข้าฉายในโรงภาพยนตร์ไอแมกซ์อีกด้วย แต่ในด้านเสียงถูกรีมาสเตอร์เฉพาะภาษาจีนเท่านั้น
ภาพยนตร์เรื่องนี้เป็นภาพยนตร์ไทยที่ทำรายได้สูงสุดในต่างประเทศ ทำลายสถิติภาพยนตร์ไทยเรื่อง องค์บาก ที่ทำรายได้ในต่างประเทศ 515 ล้านบาท และชัตเตอร์ กดติดวิญญาณ ที่ทำรายได้ในต่างประเทศ 231 ล้านบาท เมื่อปี พ.ศ. 2547และสร้างสถิติเป็นภาพยนตร์ไทยที่สามารถคว้ารางวัลได้มากที่สุดบนเวทีรางวัลภาพยนตร์แห่งชาติ สุพรรณหงส์ จำนวนทั้งสิ้น 12 รางวัล จากการถูกเสนอชื่อเข้าชิง 16 รางวัล
เรื่องย่อ ฉลาดเกมส์โกง
จากจุดเริ่มต้นการโกงข้อสอบในห้องเรียนจะลุกลามบานปลายจนกลายเป็นการโจรกรรมข้อสอบระดับประเทศพวกเขาเหล่านี้ไม่ใช่แค่นักเรียนมัธยมแต่คือตัวแทนที่สะท้อนการโกงในทุกระดับชั้นของสังคมไทย
ลิน (จูเน่-เพลินพิชญา โกมลารชุน) เด็กอัจฉริยะที่โกงเพื่อแก้แค้นโรงเรียน หวังเอาคืนค่าแป๊ะเจี๊ยะที่พ่อ (แท่ง-ศักดิ์สิทธิ์ แท่งทอง) จ่ายให้กับผอ. (อุ๋ม-อาภาศิริ จันทรัศมี)
แบงค์ (เจ้านาย-จินเจษฎ์ วรรธนะสิน) เด็กเนิร์ดที่กตัญญูต่อแม่(นก-รัชนก แสงชูโต) แต่ต้องโกงเพราะโชคชะตากลั่นแกล้ง
พัฒน์ (ไอซ์ พาริส อินทรโกมาลย์สุต) ลูกเศรษฐีที่โกงเพราะความกดดันจากครอบครัวที่มีพ่อ (วิลลี่ แมคอินทอช) เป็นจอมบงการ
เกรซ (นาน่า-ศวรรยา ไพศาลพยัคฆ์) เด็กสาวที่ยากจะคาดเดาเหตุผลว่า เธอโกงเพราะคล้อยตามเพื่อน เพื่อคนที่เธอรัก หรือเพื่อตัวเองกันแน่
เด็กกลุ่มนี้จะเปิดโปงระบบ “โกง” ศึกษาด้วย “เกมส์” ที่มันส์ ล้ำ โหดกว่าที่คุณเคยเจอ !
การันตีความดราม่าที่แตกต่างและหลากหลายจากเวอร์ชั่นภาพยนตร์ ทั้งดราม่าครอบครัว ระหว่างลินกับแม่ (ออร์แกน-ราศี ดิศกุล ณ อยุธยา) ที่ทิ้งไปมีครอบครัวใหม่ , ดราม่ารัก/แค้นของคู่ลิน-แบงค์ และคู่ของพัฒน์-เกรซ , ดราม่าด้านมืดของธุรกิจ “สอบแทน” ที่มี พี่มิวสิค (นุ่น-ศิรพันธ์ วัฒนจินดา) เป็นนายหน้าติวเตอร์จอมเจ้าเล่ห์
จากเนื้อเรื่อง ฉลาดเกมส์โกง
พ่อพาลินลูกสาว มาสมัครเรียนที่โรงเรียนกรุงเทพทวีปัญญา พ่อเล่าความฉลาด และโชว์ถ้วยรางวัล ที่ลินได้รับ จากการแข่งขันต่าง ๆ ให้ผอ.ทราบ ลินอยากเรียนที่โรงเรียนเก่ามากกว่า เพราะถ้าเรียนที่นี่ เธอกังวลว่าพ่อมีค่าใช้จ่ายมากขึ้น ตกเทอมละแสนห้า ผอ.บอกลินว่า ค่าเทอมไม่ถึงแสนห้านะ
ค่าเทอมที่นี่แสนสอง ลินคำนวนค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ทั้งค่าเดินทางด้วยรถไฟฟ้า ค่าอาหาร ค่าอื่น ๆ รวม ๆ กันอย่างน้อยแสนห้าอัพ ผอ.รู้สึกชื่นชมในความสามารถของลิน ผอ.ได้ยื่นข้อเสนอว่า หาทุนให้ลินเรียนฟรี อีกทั้งจะหาทุนค่าอาหารกลางวันให้ด้วย เมื่อลินได้ฟังดังนั้น เธอตกลงที่จะเข้าเรียนที่นี่
“มัธยมศึกษาปีที่4” วันถ่ายรูปประจำตัวนักเรียน ขณะที่ลินถ่ายรูป เกรซได้เข้ามาทักทายแนะนำการโพสท่าถ่ายรูป และบอกลินว่า รูปถ่ายจะอยู่กับตัวเรา 3 ปี ดังนั้นควรมีรูปสวย ๆ ลินทำตามคำแนะนำของเกรซ ณ ห้องสมุดเกรซบ่นให้ลินฟังว่า อยากเล่นละครเวที แต่ติดตรงที่ว่านางเรียนไม่เก่ง อีกทั้งทางโรงเรียนมีการเปลี่ยนเกณฑ์ในการคัดเลือกนักแสดงใหม่ โดยจะพิจารณานักเรียนที่มีผลการเรียน เกรดเฉลี่ย 3.25 ขึ้นไป
ลินออกความเห็นว่า การแสดงละครเวทียากกว่าการเรียนอีกนะนี่ ระหว่างที่เกรซลองทำโจทย์เลขบ่นว่า เลขยากมากไม่ไหว คงไม่มีสิทธิ์ไปแสดงละครเวทีโรงเรียน ลินมองโจทย์แค่แปปเดียว ลินบอกคำตอบได้ถูกต้อง เกรซถึงกับตะลึง และตั้งฉายาให้ลินว่าครูพี่ลิน ที่ห้องสอบระหว่างทำข้อสอบ ลินดูข้อสอบแล้วนึกขึ้นได้ว่า นี่เป็นข้อสอบที่มาจากชีท ที่เคยเฉลยให้เกรซฟังวันนั้นที่ห้องสมุดนี่
ลินแอบกระซิบบอกเกรซว่าจำได้ไหม เกรซบอกจำไม่ได้เลย ลินทำข้อสอบเสร็จ คิดหาวิธีช่วยเพื่อน ใช้วิธีเขียนคำตอบลงบนยางลบ แล้วหย่อนยางลบลงไปที่รองเท้านักเรียน เตะรองเท้าไปด้านหลังส่งไปใต้โต๊ะเกรซ เกรซดีใจดั่งสวรรค์มาโปรด ก้มหยิบยางลบ และเตะรองเท้าส่งคืนให้ลิน แต่เตะส่งไม่แม่นซะเลย รองเท้าลินอยู่ตรงทางเดิน จะทำยังไงกันดีหล่ะนี่
ลินใช้ความฉลาดของเธอ เดินมาที่โต๊ะครู ระหว่างเดินมาก็ใช้เท้าสวมรองเท้านักเรียนแบบเนียน ๆ ผลสอบออกมา เกรซดีใจมากที่นางได้เกรดเฉลี่ย 3.78 ได้เล่นละครเวทีแล้ว ชวนลินไปฉลองผลสอบที่บ้านพัฒน์ ที่บ้านพัฒน์ พัฒน์บอกลินว่าอยากเป็นเพื่อนลิน ลินบอกพัฒน์ว่า พัฒน์มีเพื่อนเยอะแล้วนี่
พัฒน์บอกว่าเพื่อนมีเยอะจริง แต่อยากได้เพื่อนที่ส่งยางลบในห้องสอบมากกว่า ลินมองเขม่นใส่เกรซ (เกรซไม่น่าปากสว่างเลย) พัฒน์ยื่นข้อเสนอว่าหากลินยอมช่วย พัฒน์จะให้ค่าตอบแทนวิชาละ 3000 บาท ตอนแรกลินมีท่าทีปฏิเสธ พัฒน์และเกรซเกลี้ยกล่อม บอกว่าค่าเรียนที่นี่แพงนะ ไหนจะค่าธรรมเนียมแรกเข้า (ค่าแป๊ะเจี๊ยะ) เมื่อลินได้ฟังดังนั้นลินยอมตกลง
กลับถึงบ้าน ลินแอบค้นลิ้นชักโต๊ะในห้องพ่อ เห็นค่าธรรมเนียมแรกเข้า 200,000 บาท จึงเชื่อในคำพูดของพัฒน์และเกรซ พัฒน์ เกรซ และเพื่อนคนอื่น ๆ ที่สนใจการลอกข้อสอบ ได้มาที่บ้านลินโดยลินคิดวิธีการบอกคำตอบ โดยการให้จังหวะนิ้ว แบบเดียวกับการเล่นเปียโน โดยมีข้อแม้ว่าให้ทุกคนทำข้อสอบเองในข้อที่แม่4 หารลงตัว (ข้อ4 ข้อ8 ข้อ12 เป็นต้น) เผื่อไม่ให้ครูสงสัยในเรื่องผลสอบว่าทำไมคะแนนได้เท่ากัน ทุกอย่างเป็นไปด้วยดี มีคนมาเข้าร่วมเพิ่มขึ้น
“มัธยมศึกษาปีที่5” แบงค์กับลินเข้าร่วมแข่งตอบปัญหาชิงทุนการศึกษาในรายการ Teen Genius แบงค์มีอาการเครียดและประหม่า แบงค์อาเจียนในห้องน้ำออกมาโดนลินแซวว่า ตอนพักทานข้าวกินก๋วยเตี๋ยวมาเหรอ แบงค์ประหลาดใจว่าลินรู้ได้ไง ลินบอกก็เส้นบะหมี่ติดที่เสื้อแบงค์นี่ ลินเห็นแบงค์ผมยุ่ง ลินใช้มือสางผมให้แบงค์ แบงค์ตกใจ เขินอายเล็กน้อย
ในการแข่งคำตอบ ข้อสุดท้ายโจทย์คือ ให้บอกค่าพาย ที่มีจุดทศนิยมมากสุด แบงค์กดตอบได้ไวมาก และทำให้ทั้งคู่ชนะการแข่ง รับเงินรางวัล 5000 บาท ห้องผู้อำนวยการโรงเรียน ผอ.ชื่นชมที่ลินกับแบงค์ชนะการแข่งขัน สร้างชื่อเสียงให้กับโรงเรียน ผอ.ได้บอกทั้งสองว่ามีทุนการศึกษาเรียนที่ประเทศสิงคโปร์ แต่มีโควต้าให้ได้แค่ 1 คนเท่านั้น ลินกับแบงค์จากคู่หูกลายเป็นคู่แข่งแทน
งานเข้าแล้วไง ลินได้ข้อสอบชุดที่ 1 แต่เพื่อนบางคนที่จะลอกนางได้ชุด 2 รีบทำข้อสอบ และส่งสัญญาณใบ้คำตอบชุดข้อสอบที่ 1 ให้คนที่ได้ชุด 1 ส่วนแบงค์ทำข้อสอบเสร็จ แอบกระซิบครูคุมสอบให้จับตาโต้งกับลิน นักเรียนบางส่วนที่ทำข้อสอบเสร็จมายื่นส่งกระดาษคำตอบ ลินใช้จังหวะนั้นให้โต้งส่งข้อสอบมาลินรีบทำข้อสอบชุดที่ 2 อย่างเร่งรีบเธอทำเสร็จ และส่งสัญญาณให้คนที่เหลือ
ครูเห็นว่าหมดเวลา ครูเดินมาที่โต๊ะลิน แล้วบอกว่า พอได้แล้วจะท๊อปทุกววิชาหรือไง ส่งกระดาษคำตอบมา นอกห้องสอบลินสูดยาดม สักพักมีเสียงประกาศเรียก ลินกับโต้งไปห้องผู้อำนวยการ ในห้องผู้อำนวยการ แบงค์ฟ้อง ผอ.ว่าโต้งทุจริตการสอบ ครูผุ้คุมสอบเข้ามาโต้แย้งว่า เป็นไปไม่ได้ที่จะลอกกัน เพราะข้อสอบมี 2 ชุด
ผอ.จับพิรุธได้ ซักถามลินว่าทำไมในกระดาษทด ถึงมีการเขียนวิธีทำในข้อที่ไม่มีในชุดที่ลินทำ ลินและพ่อของเธอ มาฟังคำชี้แจงในห้องผอ. มาตราการลงโทษ ยกเลิกทุนเรียนฟรี อีกทั้งยังว่าลินไม่ควรเอาการศึกษามาหาผลประโยชน์ ลินขำในสิ่งที่ ผอ.พูด ลินโต้แย้งว่า ใครกันแน่ที่หาผลประโยชน์จากการศึกษา ค่าแรกเข้าโรงเรียน 200,000 บาท นั่นคืออะไร
ผอ.บอกว่านั่นคือ ค่าบำรุงการศึกษา ลินเถียงอีกว่าค่าบำรุงการศึกษานั่นคือค่าเทอม ไม่ใช่เหรอ ผอ.โมโห บอกพ่อลินว่าคุณเป็นครูน่าจะอบรมลูกตัวเองดีกว่านี้นะ อีกทั้งจะตัดสิทธิ์ลินในการชิงทุนเรียนที่สิงค์โปร์
“มัธยมศึกษาปีที่6” เกรซมาขอความช่วยเหลือลินในการสอบ STIC ลินปฎิเสธและบอกเกรซให้ขวนขวายด้วยตนเอง ลินเดินออกมา ระหว่างที่ลินกำลังจะฝากคืนหนังสือที่ล้อบบี้ ลินเห็นฝรั่งคุยวีดีโอคอลกับลูกทางมือถือ พ่อคุยกับลูกว่ารู้ไหมว่าตอนนี้ที่นี่กี่โมงแล้ว และบอกว่าตอนนี้เป็นเวลาช่วงกลางคืนของที่นี่นะลูก ลินได้ฟังและฉุกคิดถึงเรื่อง Time Zone ลินไปที่บ้านเกรซ บอกทั้งสองว่า
การสอบ STIC จะสอบวันและเวลาเดียวกันทั่วโลก ดังนั้นถ้าลินไปสอบที่ออสเตรีย นางจะเห็นข้อสอบก่อน และมีเวลาที่จะส่งคำตอบกับมาที่ประเทศไทยได้ แต่ติดตรงที่ว่าการสอบมีการตรวจตรารัดกุมมาก ดังนั้นต้องจำข้อสอบ ติดตรงที่ว่าจำได้แค่ครึ่งหนึ่งของข้อสอบทั้งหมด ดังนั้นจำเป็นต้องมีผู้ช่วย คนนั้นคือแบงค์ ช่วงค่ำของวันระหว่างที่แบงค์กำลังไปส่งผ้าที่บ้านลูกค้า มีรถเก๋งมาจอด และหาเรื่องแบงค์ว่า ตระกร้าผ้าไปเกี่ยวกระจกข้างรถพัง
ชายสองคน เข้ามารุมกระทืบแบงค์ ทิ้งแบงค์ที่กองขยะ แบงค์เข้าโรงพยาบาลรักษาตัว แบงค์พลาดการสอบชิงทุนไปเรียนสิงคโปร์ ลินไปที่บ้านแบงค์ เกลี้ยกล่อมให้แบงค์ร่วมด้วย แบงค์มาที่บ้านเกรซ ลินอธิบายแผนการต่าง ๆ ให้ทุกคนฟัง ก่อนออกเดินทางมีการปลอมแปลงเอกสาร ให้พ่อลินเซ็น อ้างว่าจะไปแข่งตอบคำถามที่สิงคโปร์ มีการซ้อมการตอบคำถามหากโดนจับได้ว่าทุจริตการสอบ
มีคำถามนึง ถามพัฒน์ว่แบงค์เป็นคนยังไง พัฒน์พูดไปเรื่อย จนมาความแตกที่พัฒน์บอกว่า แบงค์โดนคนอื่นกระทืบแล้วโดนโยนทิ้งไว้ที่บ่อขยะ แบงค์ฟิวส์ขาด เข้ามาชกต่อยพัฒน์บอกว่าไม่มีใครรู้ว่า ตนโดนซ้อมทิ้งไว้บ่อขยะ ที่คนอื่นรู้มีแค่ โดนซ้อมเข้าโรงพยาบาล แบงค์ว่าลินรู้เห็นเป็นใจกับพวกนี้ใช่ไหม แบงค์โมโหเดินออกมา ลินบอกเกรซว่าขอถอนตัว
แบงค์เดินจนมาถึงป้ายรถเมล์ แบงค์เห็นข้อความป้ายโฆษณาเขียนว่า ” อนาคตแห่งการซักผ้า ” แบงค์ฉุกคิดได้เดินกลับมาเจอลินพอดี ลินบอกว่าขอถอนตัว แบงค์บอกลินว่าลินควรมีส่วนรับผิดชอบในสิ่งที่ลินทำ อีกอย่างจะไม่ยอมถูกกระทืบฟรี ๆ อย่างน้อยได้เงินในการโกงครั้งนี้ก็ยังดี
“ซิดนีย์ ประเทศออสเตรเลีย” ลินกับแบงค์เดินทางมาถึงซิดนีย์ ทั้งสองถ่ายรูปคู่กัน วันรุ่งขึ้น ก่อนเข้าห้องสอบลินกับแบงค์ แอบนำมือถือไปซ่อนในห้องน้ำ การสอบช่วงที่ 1 52 ข้อ เวลา 45 นาที ผ่านการสอบช่วงที่ 1 ทั้งสองเข้าห้องน้ำ ลินส่งคำตอบไปก่อนแบงค์นึกถึงเรื่องต่าง ๆ แบงค์ส่งไลน์ข้อความว่า ขอเพิ่มเงิน 1 ล้านให้โอนภายใน 5 นาที แล้วจะส่งคำตอบให้ เงิน 1 ล้านเป็นค่าทำขวัญที่ พัฒน์ส่งคนมากระทืบไง
พัฒน์โอนเงิน 4 แสนกว่า แล้วบอกว่า ตอนนี้มีเงินแค่นี้ส่วนที่เหลือจะโอนเมื่องานเสร็จ แบงค์ส่งคำตอบไป แบงค์กับลินเข้าไปสอบต่อ ข้อสอบช่วงที่ 2 44 ข้อ เวลา 25 นาที แล้วต่อด้วย ข้อสอบช่วงที่ 3 16 ข้อ เวลา 20 นาที สอบเสร็จมีเวลาพัก 10 นาที ลินเข้าห้องน้ำหญิง คนต่อคิวเยอะ ลินเข้าห้องน้ำ หยิบมือถือมาจะส่งคำตอบ มีคนคุมสอบมาเรียกให้เข้าห้องสอบไปสอบข้อสอบช่วงที่ 4
แบงค์ ส่งคำตอบได้สักพัก มีคนคุมสอบมาเคาะประตู แบงค์ส่งคำตอบได้หมด แบงค์ เคลียร์ข้อความไลน์ เจ้าหน้าที่ทุบประตูรัว ๆ แบงค์ตกใจทำฝาชักโครกแตก แบงค์เห็นท่าไม่ดีโยนมือถือลงโถส้วม กดชักโครกหวังทำลายหลักฐาน มือถือใหญ่กว่ารูชักโครก งานเข้าแบงค์แล้วไง
ลินออกจากห้องน้ำ เห็นเจ้าหน้าที่เค้นคอสอบถามแบงค์ ลินเดินจะเข้าห้องสอบ เห็นมีการตรวจเข้มงวดกว่าเดิม มีการตรวจเช็คที่รองเท้า ลินตีเนียน เดินไปกดน้ำที่ตู้กดน้ำดื่ม ระหว่างกดนางแอบนำมือถือที่ซ่อนไว้ในรองเท้า นำออกมาซ่อนที่ตู้กดน้ำ ลินเข้าห้องสอบ นางนึกคำตอบในการสอบช่วงที่ 2 และ 3 นางนึกไปนึกมา นึกถึงทริคการดีดเปียโนที่เคยใช้ในการโกงสอบ นางพยายามรวบเป็นบทเพลง นางทำได้
นางนึกวิธีออกจากห้องสอบก่อนหมดเวลา นางใช้ดินสอแหย่เข้าไปในปาก นางอาเจียนออกมา ครูคุมสอบเดินเข้ามาสอบถาม นางบอกว่าป่วย นางรีบเดินออกมา หยิบมือถือที่ซ่อนไว้ที่ตู้กดน้ำดื่ม ระหว่างนั้น นางเห็นผู้คุมสอบอีกคนเดินมา นางหลบออกมาจากสนามสอบ มุ่งหน้าไปที่รถไฟใต้ดินเพื่อจะหนี ระหว่างหนีไป นางกดส่งคำตอบไปอย่างทุลักทุเล นางส่งคำตอบทันเวลา
นางเดินมาถึงทางตัน นางเห็นเครื่องขายของอัตโนมัติ นางหยอดเหรียญ กดขนม และน้ำอัดลม นางรีบกิน คนคุมสอบเอามือมาแตะที่ไหล่นาง นางอาเจียน บอกว่านางป่วย คนคุมสอบบอกให้ตามกลับไปที่สนามสอบ แบงค์โดนสอบเค้นอย่างหนัก ลินเปิดประตูเข้าไปจะทัก แบงค์ส่งสัญญาณทางริมฝีปาก ลินได้ลบรูปมือถือที่ถ่ายคู่กันทั้งหมด ลินบินกลับมาเมืองไทย พัฒน์กับเกรซรอต้อนรับที่สนามบิน ลินพูดให้พัฒน์และเกรซให้ขยันเรียน
ลินเดินมาเห็นพ่อขับรถมารับ ลินโดนพ่อถามว่ามีแฟนทำไมไม่บอกพ่อ ลินร้องไห้บอกพ่อว่ามีเรื่องจะสารภาพ ลินไปสมัครเรียนคณะครุศาสตร์ ที่มหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง หลังสมัครเสร็จ มีข้อความจากแบงค์ส่งมา ชวนลินไปที่บ้านแบงค์ ลินมาถึงบ้านแบงค์เห็นเครื่องซักผ้าใหม่หลายเครื่อง แถมมีมอเตอร์ไซค์คันใหม่
ลินแซวแบงค์ ว่าเงินฟอกมาใช่ไหมนี่ แบงค์ชวนลินให้ร่วมมือ ทำการโกง GAT PAT ด้วยวิธีที่รัดกุมกว่า เสี่ยงน้อยกว่า แต่ได้ลูกค้ามากกว่า อาจได้เงินเกือบ 10 ล้านเลยด้วยซ้ำ ลินปฎิเสธ แบงค์ขู่ว่าหากลินไม่ร่วมมือ แบงค์จะแฉเรื่องทุกอย่าง ที่ลินโกงเกี่ยวกับข้อสอบ STIC ทุกคนที่จ่ายเงินอนาคตก็จะพัง อนาคตลินก็จะพัง เด็กไทยทุกคนก็จะไม่ได้สอบ STIC อีก ถ้าพังก็พังกันทุกคนนี่แหล่ะ
แบงค์พูดว่า ” ทุกอย่างขึ้นอยู่กับแกนะลิน” แต่ลินไม่สนใจ ตอบว่า ” ใช่ ทุกอย่างขึ้นอยู่กับเรา” ลินเสียใจ เดินออกจากบ้านแบงค์ ลินตัดสินใจย้ายไปอยู่ออสเตรเลียกับแม่ เพื่อเรียนต่อต่างประเทศ ทว่าการโกงยังไม่สิ้นสุดเพราะ แบงค์ กลับมาหา ลิน เพื่อขอให้ช่วยทำภารกิจใหม่ที่ต้องโกงการสอบระดับประเทศซึ่งแทบจะเป็นไปไม่ได้ แต่นั่นจะทำให้พวกเขามีรายได้ถึงหลักสิบล้าน
ในขณะเดียวกันความสัมพันธ์ของ พัฒน์และครอบครัวก็ดำเนินมาถึงจุดแตกหักจนต้องกลับมาเข้าร่วมภารกิจโกงอีกครั้ง แบงค์ได้ถูกไล่ออกจาก ร.ร แล้วได้ขอร้องให้ลินมาช่วยครั้งสุดท้าย ลินได้ใจอ่อนช่วยแบงค์จนได้ และให้ทุกคนต้องสัญญาว่าจะทำครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ
เกรซได้มาร่วมวงโต๊ะกินข้าวบรรดาเพื่อนโรงพิมของพ่อ เกรชได้ขอไปทำรายงานที่โรงพิมของเพื่อนพ่อเรื่องการป้องกันข้อสอบรั่วไหล จึงขอเข้าไปทัศนศึกษากับเพื่อน อาเจ๊กของพ่อก็บอกว่า ให้เข้าไปดูรอบ ๆ โรงงานได้ แต่เข้าไปข้างในไม่ได้ เกรซได้บีบน้ำตา จนอาเจ็กบอกให้เอาเอกสารทางโงเรียนมาให้เขา เขาจะเข้าไปคุยกับเจ้าของโรงพิมให้
ลินและเกรซ ได้ใส่ชุดนักเรียนเข้าไปพร้อมกับเอกสารที่ปลอมแปลงมา เพื่อเข้าไปดูว่าข้างในมีระบบความปลอดภัยอะไรบ้าง แผนผังโรงพิมเป็นยังไง อะไรเป็นยังไงบ้าง ให้แบงค์กับพัตน์ได้เห็นแผนพังโรงงานมากที่สุด จากที่ได้เข้าไปในโรงงานมา ทุกคนได้เริ่มวาดแผนผังโรงพิม ที่โกงดังเก่าของพ่อพัฒน์ ย้อนกลับไปตอนที่ ลินกับเกรซเดินดูโรงงานกับอาเจ็กอยู่
ลูกน้องของอาเจ็กก็เดินเข้ามาคุยกับอาเจ็กเรื่องเบิกเงินล่วงหน้าไปจ่ายค่าเทอมลูก แต่อาเจ็กไม่ได้ให้และได้โว้ยวายเสียดัง อาเจ็กได้พาไปดูการใช้สายพานต่อตรงเอาข้อสอบไปแพ็ค เอกสารทุกชุดจะมีบาร์โค้ดรันอยู่ด้วยถ้าหายไปก็จะรู้ทันที และในการพิมจะพิมตามสายพานใช้สี่สีเรียงกัน กว่าสีจะเข้ากันเป็นสีเดียว แรก ๆ สีจะออกมาซ่อนกัน พวกนั้นจะทำการทิ้งทั้งหมด และชี้ช่องขยะให้ดูว่าสายพานจะทิ้งข้อสอบไปที่ไหน
แบงค์ได้เสนอให้หาคนข้างในช่วย ตอนเย็นเกรซได้มาหาลูกน้องของอาเจ็กคนที่โดนอาเจ็กว่าเรื่องขอเบิกเงินล่วงหน้า เขาชื่อว่า “พี่ฟลุ๊ค” เกรซได้แนะนำงานให้พี่ฟลุ๊คที่ได้รายได้ดี พี่แกก็รีบตามมาคุยกับพวกแบงค์ทันที แบงค์จะให้พี่ฟลุ๊คมาเป็นที่ปรึษาให้เขาหน่อย เขาจะเข้าไปห้องขยะต้องทำยังไงบ้าง พี่ฟลุ๊คไม่อยากทำเพราะเหมือนเป็นการหักหลังเจ้านาย แบงค์ได้เสนอเงินหนึ่งแสน พี่ฟลุ๊คได้ตอบตกลง
แกก็เริ่มเล่าให้เห็นภาพว่าข้อสอบจะตกลงมาเครื่องย่อยกระดาษยังไง ต้องยิบให้ทันจากตรงไหน แบงค์ได้คิดว่าถ้าเราเอาโทรศัพท์เข้ามาได้ก็จะถ่ายข้อสอบออกไปได้ แล้วต้องเอาโทรศัพท์เข้าไปพร้อมกับข้าวกล่อง เพราะโรงงานจะไม่ทำการเช็คข้าวกล่อง พี่ฟลุ๊คก็เห็นด้วยเพราะ รปภ.ไม่ทำการเช็คข้าวกล่อง แต่ห้องขยะได้ทำการล็อกไว้ เปิดอีกทีก็ตอนเอาไปทำลาย พี่ฟลุ๊คได้พาไปที่ห้องคอนโทรเพราะเป็นที่เก็บกุญแจ
แบงค์ได้เสนอเงินไปอีก 5 แสน เพื่อให้พี่ฟลุ๊คไปเอากุญแจและเอาโทรศัพท์ไปถ่ายในห้องขยะให้หน่อย พี่ฟลุ๊คตอบว่าไม่เอาเพราะไม่อยากเอาอนาคตตัวเองไปเสี่ยง พี่แกไม่เชื่อว่าเด็กอย่างพวกเขาจะมีเงินให้ถึง 5 แสน แบงค์ได้ไปยิบเงิน 1 แสนมาให้ และได้บอกพี่แกว่าเปลี่ยนใจได้นะ พวกผมจะรออยู่ที่นี้พี่ฟลุ๊คได้รับเงินและเดินออกไป เกรซก็กลัวว่าแกจะเอาเรื่องนี้ไปบอกกับคนอื่น แบงค์ก็บอกไม่ต้องหวงเพราะยังไงพี่ฟลุ๊คก็ต้องกลับมา แบงค์มั่นใจ
ที่บ้านของพี่ฟลุ๊คก็ได้ซื้อกุ้งเผามาให้ลูกกับเมียกินกันอย่างมีความสุข หลังจากนั้นพี่แกได้ตัดสินใจกลับมาหาพวกแบงค์ พี่ฟลุ๊คได้พูดว่าแกเข้าไปถ่ายเองให้ไม่ได้ถ้าเขาได้หายไปจากที่พิมพ์นาน ๆ มันจะน่าสงสัยเขาทำได้แค่ไปเปิดห้องให้ แบงค์ก็ตกลงแล้วบอกให้ลินไปหาลูกค้าได้เลย เมื่อลินจำใจเข้าร่วมการโกงนี้ และช่วยกันวางแผนโจรกรรมข้อสอบระดับประเทศ โดยมี พี่มิวสิค ช่วยหาลูกค้าให้ได้มากถึง 800 ราย
พี่มิวสิกได้นำบัตรประชาชนของลูกค้ามาให้กับลิน เพื่อที่จะส่งคำตอบให้กับลูกค้า ทุกคนจะต้องนำเอาบัตรเข้าห้องสอบเขาจะทำการนำ GAT เชื่อมโยง 20 ข้อ ไว้ที่ตัวเลขหลังบัตร ส่วนข้อซ้อยเขาจะแปลงคำตอบเป็นบาร์โค้ด พี่มิวสิกได้เรียกค่าจ้างเพิ่มจาก 2 ล้าน เป็น 4 ล้าน ถ้าไม่ได้ลินก็ต้องไปหาลูกค้าเอาเอง แบงค์ก็เลยถามพี่มิวสิกว่าถ้าให้พี่จะเอาอะไรมาแลก พี่มิวสิกเลยบอกว่าเขาจะแถมงานบริการให้ วันสอบจริงเขาจะให้คนของเขาไปแจกบัตรให้กับลูกค้าเองตามหน้าศูนย์สอบแต่ละสาขา
แบงค์ได้ตอบตกลง แผนการครั้งนี้เสี่ยงกว่าที่เคยเพราะตัวการในขบวนการโกงไม่ได้มีแค่พวกเขาทั้ง 4 คน ทั้ง ลิน , แบงค์ , พัฒน์ และ เกรซ เหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา แบงค์ได้อธิบายแผนการทั้งหมดให้ฟัง ว่าเจ้าหน้าที่จะเอาข้อสอบมาให้โรงพิมพ์ตอนไหน สั่งพิมพ์ตอนไหน เที่ยงคืนข้าวก็จะมาส่ง เขาจะใส่มือถือไว้ในกล่องข้าวที่เขียนว่าข้าวผัดหมูบวกกุ้งพิเศษไม่ผัก หลังจากนั้นพี่ฟลุ๊คต้องหาข้าวกล่องนั้นให้เจอ จากนั้นพี่ฟลุ๊คต้องทำให้โรงพิมไฟดับหรือว่าไฟรัดวงวรตอนเวลาตี 1
พอไฟดับก็ต้องเข้าไปเอากุญแจจากในห้องและก็โทรตามช่างไฟ พัฒน์ก็ต้องสวมรอยเป็นช่างไฟเข้าไปก่อน พอไฟติดก็ให้พัฒน์ขออาเจ็กไปเข้าห้องน้ำ พี่ฟลุ๊คจะรอรับพัฒน์ไปส่งที่ห้องขยะ เอามือถือไปถ่ายเอาข้อสอบออกมา และต้องส่งไปให้เขากับลินก่อนตี 2 เพราะถ้าช้ากว่านั้นเขาจะทำข้อสอบไม่ทัน และตี 3 เกรซจะต้องพิมพ์ข้อสอบออกมาให้ลูกค้าก่อน 8 โมงเช้า และมือถือที่พัฒน์ถ่ายรูปเสร็จ พี่ฟลุ๊คให้พัฒน์เอาไปทิ้งที่ท่อห้องน้ำชาย แบงค์บอกถ้าทิ้งเสร็จให้กลับไปหาอาเจ็กเหมือนเดิม
พัฒน์ได้พูดว่าเขาเข้าไปถ่ายข้อสอบได้ไม่มีปัญหา แต่จะให้เขาซ่อมไฟจริง ๆ เขาทำไม่เป็น แบงค์ก็ถามหาช่างไฟจริง ๆ จากโรงงานของเกรซ เพราะเขาอยยากได้ช่างไฟจริง ๆ มาซ่อมเข้าไปกับพัฒน์ด้วย ลินก็บอกมีพี่ฟลุ๊ค มีพี่มิวสิกแล้วยังต้องจ้างคนเพิ่มอีกหรอ คนรู้แผนเราเยอะกลัวเรื่องจะหลุดออกไป และถ้าแผนต้องใช้คนเยอะไปเรื่อย ๆ ก็จะเกินกำลังเรา เกรซได้บอกว่าเขามีช่างไฟคนหนึ่งที่เราจะจ้างได้ แบงค์บอกเรามีเวลาอีก 2 อาทิตย์เพื่อเตรียมตัวกัน
พอถึงเวลา 5 ทุ่มเจ้าหน้าที่ได้เอาข้อสอบมาส่งที่โรงพิมพ์ตามเวลาที่กำหนดไว้ พอเที่ยงคืนข้าวก็มาส่ง ในโรงงานพี่ฟลุ๊คก็รีบมาเอาข้าวผัดหมูบวกกุ้งพิเศษ แต่เวรกรรมดันหาข้าวไม่เจอ แต่ที่ไหนได้เกรซจะต้องเป็นคนเอาข้าวกล่องมาส่งเอง เกรซได้โกหกยามว่าแม่เขาเอาข้าวกล่องมาให้ไม่ครบ ยามก็โทรบอกแม่บ้านให้เอาเข้าไปให้ พี่ฟลุ๊คเห็นแบบนั้นก็รีบเอาข้าวกล่องออกมา ทันใดนั้นอาเจ็กก็ได้เรียกหาพี่ฟลุ๊คให้ไปทำงานแทนคนที่ลาหน่อย
พี่ฟลุ๊คก็บอกขอกินข้าวก่อนแต่อาเจ็กก็ไม่ยอม พี่แกเลยได้ฝากข้าวไว้กับเพื่อนว่าอย่าให้ใครกินนะ พอพี่แกทำงานเสร็จก็รีบกลับไปจะเอาข้าว มาถึงข้าวก็โดนทิ้งไปแล้ว พี่แกได้ไปหาที่ถังขยะแต่ไม่เจอพี่แกเครียดจัด พัฒน์ก็เป็นกังวนว่าทำไมพี่แกไม่ทักมาซักที ช่างไฟที่เกรซหามาก็มาถึงแล้ว พี่ฟลุ๊คก็ยังหาโทรศัพท์ไม่เจอ พอเวลาเดินไปถึงตี 1 ที่ต้องเริ่มพิมพ์
พี่ฟลุ๊คก็ได้ทำให้ไฟดับตามแผน ให้พัฒน์เตรียมตัวเข้าไป ลินถามแบงค์ว่าจะให้พัฒน์เข้าไปจริง ๆ หรอ ข้างในเกิดอะไรขึ้นกับพี่ฟลุ๊คยังไม่รู้เลย ลินได้พูดกับพัฒน์ถ้าแผนมันไม่โอเคให้ใช้แผนบียกเลิก และออกมาให้ไหวที่สุด เอาตัวเองให้รอดก่อน สัญญาณไฟมีปัญหาก็เริ่มดังขึ้น อาเจ็กได้สั่งคนให้ไปดูที่เบรกเกอร์ทันที พี่ฟลุ๊คหลังจากได้ทำไฟรัดวงจรเสร็จ ก็รีบมาที่ห้องควบคุมเพื่อที่จะขโมยคุญแจห้องขยะ อาเจ็กกำลังตามช่างให้มาดู ตามแผนพี่ฟลุ๊คต้องเป็นคนโทรตามช่างไฟเอง
พี่ฟลุ๊คได้มองไปที่กล่องกุญแจ และได้อาศัยจังหวะที่ทุกคนเผลอเข้าไปยิบกุญแจออกมา ทางด้านนอกแบงค์ก็สั่งให้พัดเข้าไปกับช่างไฟได้แล้วเพราะถึงเวลาตามแผนแล้ว พัฒน์ได้เข้าไปกับยามและได้ตรวจตัวอยู่ พี่ฟลุ๊คก็ได้เข้ามาบอกยามว่าเขาจะพาช่างไฟไปเอง พอพ้นออกมาจากยามพี่ฟลุ๊คก็ได้บอกกับพัฒน์ว่าเอามือถือออกมาไม่สำเร็จเขาหากล่องข้าวไม่เจอโดนเอาไปทิ้งแล้ว
พัฒน์ถึงกับเครียดไปเลยเพราะไม่มีอะไรจะถ่ายข้อสอบออกไปให้แบงค์กับลิน ด้านนอกอยู่ ๆ ช่างไฟตัวจริงก็มาและได้อยู่หน้าโรงพิมพ์ ลินก็เลยรู้ทันทีว่าพี่ฟลุ๊คหลอกอาเจ็กเรื่องช่างไฟไม่สำเร็จ ลินตัดสินใจไปดักหน้ารถไว้ บอกช่างไฟว่าอาเจ็กให้มาบอกว่าไฟกลับมาใช้งานได้ปกติแล้ว เขาพยายามโทรไปบอกที่บริษัทแต่ไม่มีใครรับเลย เลยมาดักรอตรงนี้ อาเจ็กก็ได้มาเจอกับพัฒน์และพี่ช่างไฟแล้วก็คิดว่าเป็นช่างไฟที่ตัวเองเรียกมาก็เลยให้พัฒน์ไปรีบซ่อมให้เสร็จ อาเจ็กก็ยืนเฝ้าอยู่แบบนั้น เหมือนกลัวว่าสายไฟจะหาย
พัฒน์ก็ขออาเจ็กไปดูแท่นพิมพ์ว่าเพื่อนระบบไฟจะขัดข้องตรงนั้น พี่ฟลุ๊คก็เลยอาสาจะขอพาพัฒน์ไปเอง แต่อาเจ็กไม่ให้บอกให้พี่ฟลุ๊คไปประจำที่แท่นพิมพ์เลย พัฒน์ไม่ได้ไปที่แท่นพิมพ์แต่ไปหามือถือแทน ส่วนลินก็ได้เจรจากับช่างไฟอยู่ ช่างไฟก็จะยืนยั่นว่าต้องคุยกับอาเจ็กให้ได้ก่อน ช่างได้โทรเข้าไป เสียงก็ดังขึ้นคนของกระทรวงที่กำลังจะไปรับแต่โดนคนขอหัวหน้ากระทรวงห้ามไว้ ว่าให้ไปเรียกคนของโรงพิมมารังเพราะมันทำให้เสียมารยาท คนขอกระทรวงก็ไปตามอาเจ็กอย่างไหว แต่กลับมารับไม่ทัน ช่างไฟก็เลยยอมกลับไป
พัฒน์รื้อขยะอยู่จนในที่สุดก็เจอมือถือ พัฒน์ลองกดส่งข้อความไปเทรสดู แต่มือถือไม่มีการเชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ส่งข้อความไม่ได้ ไม่มีสัญญาณเลย พัฒน์ได้กลับมาหาพี่ช่างไฟ พี่ช่างไฟก็บอกว่าซ่อมเสร็จแล้วจะเอายังไงต่อ พัฒน์ได้บอกกับพี่ช่างไฟให้ใบ้แผนบี แล้วก็มีคนงานของอาเจ็กมาตามพัฒน์ และบอกว่ามีช่างไฟอีกคนมารอที่หน้าโรงพิมพ์บอกว่าพัฒน์ลืมของไว้
อาเจ็กได้ให้ช่างไฟอีกคนเข้ามาได้ ช่างไฟคนนั้นก็คือแบงค์ อาเจ็กบอกช่างไฟว่าอย่าพึ่งออกจากโรงพิมพ์จนกว่าจะทำการทำข้อสอบเสร็จ แบงค์บอกว่าเราออกไปไม่ได้แล้ว เราต้องส่งข้อสอบออกไปให้ลินภายใน 1 ชั่วโมง พัฒน์ได้บอกแบงค์ว่าในโรงงานโดนตัด สัญญาณอยู่ แบงค์ก็ช็อกไปเลยเหมือนแผนที่วางไว้จะพังไม่เป็นท่า พี่ฟลุ๊คก็ได้มารอที่ห้องขยะแล้วแบงค์บอกพัฒน์ว่าจะเข้าไปทำข้อสอบในห้องขยะเองและจะจำคำตอบบออกมา
พัฒน์ก็พยายามจะห้ามแต่แบงค์ก็ไม่ฟัง แบงค์รีบเดินไปหาพี่ฟลุ๊คทันที พี่ฟลุ๊คบอกแบงค์ง่ามีเวลาทำข้อสอบแค่ 1 ชั่วโมง หลังจากที่เครื่องพิมพ์ซ่อมเสร็จ และต้องทำให้เสร็จก่อนห้องขยะจะถูกเปิด แบงค์ได้บอกพี่ฟลุ๊คว่าให้มาเปิดก่อนห้องจะถูกเปิด พอไฟติดแล้วอาเจ็กได้สั่งปริ้นข้อสอบทันที พอข้อสอบเริ่มหล่นลงมาบนเครื่องทำลายเอกสาร แบงค์ก็ต้องกระโดนเพื่อเอาเอกสารอยู่หลายรอบ แบงค์ได้ใช้ไขควงเพื่อช่วยให้เอาข้อสอบออกมาได้ แบงค์ก็รีบไปนั่งทำทันที ใช้ไขควงทิ่มเป็นคำตอบแทนปากกา
อาเจ็กได้ถามพัฒน์ว่าช่างไฟอีกคนหายไปไหน พัฒน์ได้โกหกว่าไปเข้าห้องน้ำ อาเจ็กไม่รอช้าไปที่ห้องน้ำทันที พอไปถึงเจอห้องน้ำปิดห้องนึง อาเจ็กก็ยืนรออยู่อย่างนั้น ก็ไม่มีใครออกมาสักที อาเจ็กตัดสินใจเปิดประตูเข้าไปทันที แต่กลับไม่เจอใคร อาเจ็กรีบออกมาหาพัฒน์ว่าไม่มีใครอยู่ในห้องน้ำเลย ตะโกนเสียงดังว่าหายไปไหน พัฒน์ก็บอกว่าเขาจะไปตามหาให้ อาเจ็กห้ามไว้ว่าให้รออยู่ที่นี้แหละและก็ให้คนเฝ้าพัฒน์กับพี่ช่างไฟไว้ไม่ให้ไปไหนอีก
อาเจ็กก็เดินไปดูกุญแจที่ห้องควบคุมทันที ก็รู้ว่าห้องขยะหายไป อาเจ็กได้ดึงลูกน้องที่คุมห้องควบคุมมาถามว่าหายไปไหน ใครเอาไป อาเจ็กโว๊ยวายเสียงดังลั่น จะเอาคำตอบให้ได้พอไม่มีใครตอบอาเจ็กก็เดินออกไป แบงค์ที่รีบทำข้อสอบอยู่ อยู่ ๆ ข้อสอบหายไปหนึ่งหน้าเป็นกระดาษเปล่าๆ แบงค์รีบเอาเศษกระดาษที่โดนแย่งร่างมาประกอบใหม่ ด้านนอกเพื่อนพี่ฟลุ๊คก็ได้เดินมาหาพี่ฟลุ๊คถามถึงกุญแจห้องขยะไปจากพี่ฟลุ๊ค ทันใดนั้นเองก็มีเสียงดังขึ้นจากประตูหน้าห้องขยะ แบงค์ตกใจแทบซ็อค และในห้องนั้นก็ไม่มีที่ให้แอบเลย คนที่มาเขย่าประตูก็คืออาเจ็กนั้นเอง
พอประตูเปิดไม่ได้อาเจ็กก็เดินกลับไป ไปเอากุญแจสำรองมา และเรียกให้คนของกระทรวงไปที่ห้องขยะด้วยกัน อาเจ็กและคนของกระทรวงได้เปิดประตูเข้าไปก็ไม่เจอใครแล้ว อยู่ๆเพื่อนพี่ฟลุ๊คก็ขับรถยกขยะเอามา เขาบอกอาเจ็กว่าเขาเป็นคนเอากุญแจห้องขยะไปเอง เพราะเห็นว่าใกล้ถึงเวลาแล้ว วันนี้เป็นเวรของเขาขนขยะ อาเจ็กก็บ่นใหญ่ว่าห้ามมาก่อนลูกค้า คนขอกระทรวงก็บอกอาเจ็กไว้ว่าไม่เป็นอะไร หลักจากนั้นอาเจ็กก็กลับมา
มาหาพวกพัฒน์แบงค์ก็มายืนอยู่กับพวกพัฒน์แล้ว อาเจ็กบอกจะออกส่งเอง เขาก็ให้ยามตรวจค้นของในตัวช่าง แบงค์ตรวจคนแรก ก็ผ่านไปได้ด้วยดี พอมาถึงพัฒน์กลับมีสัญญาณเตือน พัฒน์นึกขึ้นได้ว่าเก็บมือถือมาจากห้องขยะ แล้วนำติดตัวมาด้วยเก็บไว้ในกระเป๋าลืมเอาไปทิ้งที่ท่อตามที่พี่ฟลุ๊คบอกไว้ ยามก็ขอตรวจกระเป๋ากับเจอไขควง พัฒน์ถึงกับตกใจว่าผ่านมาได้ไง ออกมาอย่างงง ว่าทำไมไม่เจอโทรศัพท์ได้ยังไง แบงค์สั่งให้พัฒน์ออกรถ เพราะเลยเวลามามากแล้ว
พอมาถึงโกดังพัฒน์ถามแบงค์ทันทีว่าเมื่อกี้ยามตรวจเจอมือถือในกระเป๋าของเขาด้วย แต่ทำไมยามถึงให้ผ่าน พัฒน์เห็นแบงค์ส่งสายตาให้ยาม พัฒน์ได้ถามว่าได้ทำนอกเนื่องจากแผนที่วางกันไว้หรือป่าว แบงค์ได้ปฏิเสธแต่สุดท้ายก็โดนถามจนแบงค์พูดความจริงออกมา ว่าเขาทำแผนบี ที่เป็นแผนบีจริง ๆ จ้างยามกับคนขนขยะเพิ่มที่อาเจ็กเข้ามาแล้วไม่เจอเพราะเพื่อนพี่ฟลุ๊คเข้ามาช่วย แบงค์ที่กำลังเล่าให้ทุกคนฟัง อยู่ๆเกรซก็พูดขึ้นมาว่ามีคำตอบเกินมา 1 ข้อ แบงค์ได้เอามาแก้ให้แล้วบอกว่าเขาสับสนนิดหน่อย ทันใดนั้นลินก็ได้ดึงคำตอบจากมือเกรซ แล้วบอกให้แบงค์ท่องคำตอบให้เขาฟังหน่อย แบงค์ก็เลยถามลินว่าไม่เชื่อใจเขาหรอ ลินเลยพูดง่าเขาเชื่อใจอะไรแบงค์ไม่ได้แล้ว ถ้าแบงค์ไม่มีอะไรปิดบังก็ท่องคำตอบมาให้เขาฟังเอาแค่ 10 ข้อสุดท้ายก็พอ
พอแบงค์บอกคำตอยลิน ลินก็ถามแบงค์ว่าไม่ได้จำข้อสอบออกมาเลยใช่ไม แบงค์ก็บอกว่าเค้าไม่มีเวลา ลินเลยบอกว่าเขาจะโทรไปบอกพี่มิวสิกว่าไม่มีคำตอบให้ลูกค้า แบงค์บอกถ้าเราหยุดตรงนี้เท่ากับว่าสิ่งที่เราทำมันสูญเปล่า ถ้าเราเดินหน้าต่อเราจะได้ทุกอย่าง ลินเลยพูดว่าจะส่งคำตอบมั่วๆให้ลูกค้าหรอ แบงค์บอกพวกนั้นมันเป็นเด็กรวย จ่ายแค่ 5 หมื่นมันไม่เดือดร้อนหรอก ลินก็บอกว่านี้คือชีวิตของเด็ก 800 คนเลยนะ แบงค์ก็เถียงสุดใจว่าลูกค้าพวกนั้นก็โกงเลือกที่จะใช้ทางรัดก็ต้องยอมรับความเสี่ยง ลินถึงกับอึ้งไปเลยที่แบงค์กลายเป็นคนแบบนี้
แบงค์พูดว่าลินจะพูดอะไรก็ได้เพราะลินไม่มีอะไรจะเสียแล้วไม่ว่ายังไงลินก็ไปเรียนต่อเมืองนอกได้สบายๆ ถ้าลินไม่มีที่เรียน ไม่มีเงิน ลินก็ไม่พูดแบบนี้หรอก ลินก็ว่าแบงค์ว่าไม่รู้ตัวเลยหรอว่าทำผิดอยู่ แบงค์บอกว่าเขารู้ เขาวางแผนมาเกือบ 3 เดือนแล้วกว่าจะรวบรวมให้ลินเขามาช่วยแต่เขามาไกลเกินกว่าจะมาคิดเรื่องนั้นแล้ว พัฒน์ได้ยินแบบนั้นเลยสงสัยว่าทำไมต้องวางแผนรวบรวมพวกเขาให้มาช่วยทั้งๆก็รู้ว่าพวกเขาต้องไปเรียนต่อเมืองนอกหลักสอบ STIC เสร็จ แบงค์เป็นคนปล่อยข่าวให้คะแนน STIC ยกเลิกใช่ไม แบงค์ได้ยอมรับความจริงว่าเขาทำเอง และที่เขาทำมันก็ไม่ต่างอะไรกับที่พัฒน์ทำกับเขาหรอก
พัฒน์ได้เข้าไป กระชากคอเสื้อ แบงค์ถามว่าเขาใจความรู้สึกเขาหรือยังว่าเวลาที่ทำอะไรไม่ได้เลยนอกจากต้องโกงมันเป็นยังไง เขาไม่เอาคนไปเล่นพ่อเล่นแม่พัฒน์ก็ดีแค่ไหนแล้ว ตอนนั้นพัฒน์อยากให้เขาไปช่วยสอบ STIC ตอนนี้เขาก็อยากให้พัฒน์มาช่วยสอบ GAT เหมือนกัน และก็บอกให้พัฒน์เดินหน้าต่อไปกับเขา ชีวิตนี้ไม่ต้องมีพ่อมาค่อยวงการแล้ว ส่วนเขาก็ได้เงินมาทดแทนอนาคตที่เสียไป แบงค์บอกให้ทุกคนมาโหวดกันว่าจะทำต่อไม พัฒน์บอกให้เกรซพิมพ์ข้อสองต่อเลย เขาไม่อยากกลับบ้านแล้ว ลินก็ร้องไห้ ให้เกรซหยุดเกรซก็ไม่ฟังลินเลย บอกขอโทษลินเพราะเขาอยากอยู่กับพัฒน์ ลินก็ได้แต่เสียใจและเดินออกไป แบงค์ก็ได้ตามพัฒน์ให้เลือกเมสเซนเจอร์มารับของได้เลย
ลินได้กลับถึงบ้าน พ่อลงมาเจอลินแล้วถามลินว่าทำไมตื่นเช้าจัง ลินได้สารภาพว่าเมื่อคืนเขารวมหัวกับเพื่อนไปเอาข้อสอบในโรงพิมพ์เพื่อจะเอาคำตอบออกมาส่งให้ลูกค้า ที่เขาขอเลื่อนแม่เพราะเขาจะช่วยแบงค์ทำเรื่องนี้ก่อนและที่แบงค์เป็นแบบนี้ก็เพราะเขา ชีวิตแบงค์พังก็เพราะเขาลินก็ร้องไห้ขอโทษพ่อใหญ่ที่พึ่งมาบอกพ่อ พ่อก็ตกใจมากกับเรื่องที่ลินเล่าให้ฟัง ลินได้แต่ร้องไห้ ขอโทษว่าเขาผิดไปแล้ว เขาขอโทษ พ่อก็ไม่ดุอะไรลินและเข้าไปกอดลินไว้ ลินได้ขอให้พ่อพาเขาไปที่สถานบันทดสอบหน่อย เขาอยากจะสารภาพเรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้น
ทางด้านพวกพัฒน์ก็ได้ทำการส่งคำตอบออกไปให้ลูกค้า และก็โทรบอกพี่มิวสิก หลังจากนั้นก็พากันกลับบ้านพัฒน์มาส่งแบงค์ที่บ้านเปิดเช็คดูเงินในกระเป๋า เช้าวันต่อมา คนขอพี่มิวสิกก็ได้มาแจกบัตรประชาชนตามจุดที่นัดกันไว้อยู่ๆตำรวจก็มาจอดรถมาเชิญตัวคนแจกบัตรไป ที่บ้านของแบงค์ ตำรวจก็มาหาแบงค์ที่บ้าน แม่ก็ถึงกับร้องไห้ แบงค์ลงมาก็ซ็อคยืนกลัวตัวสั่นบอกแม่ว่าเขาไม่ไปกับตำรวจ
ตัดมาที่คอนโดของพัฒน์ข่าวก็ออก ลินได้ไปสารภาพกับตำรวจเรื่องที่ทำทั้งหมด ทันใดนั้นเองก็มีคนมาเคาะประตูก็คือพ่อของพัฒน์นั้นเอง พัฒน์ก็คงว่าพ่อมาหาเขาถูกได้ไงพ่อพัฒน์บอกว่าเขาถามแม่พัฒน์มา และพ่อพัฒน์ก็บอกให้เกรซกลับไปก่อนจะให้คนขับรถไปส่ง แต่พัฒน์ไม่ยอมให้เกรซไป พ่อพัฒน์บอกให้ไปอเมริกาคืนนี้เลย เรื่องคดีเขาจะจัดการเอง พัฒน์ก็เลยถามว่าแล้วเกรซล่ะ พ่อบอกให้พัฒน์เลิกกับเกรซไปเลยดีที่สุด พัฒน์ไม่ยอมบอกว่าเขาจะอยู่กับเกรซ พ่อพัฒน์บอกถ้าโดนตำรวจจับไปก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันอยู่ดี พัฒน์เลยขอร้องพ่อให้ช่วยเกรซด้วย ถ้าช่วยเกรซเขาจะยอมพ่อทุกอย่าง พ่อพัฒน์บอกเขาจะหาทนายเก่ง ๆ มาให้
ตัดมาห้องสอบสวนลินนั่งอยู่กับพ่อ เกรซได้ออกมาจากห้องสอบสวนลินก็เข้าไปขอโทษเกรซ เกรซเข้ามากอดลินและขอโทษลินกลับ เขาบอกไม่น่าปล่อยให้ลินเดินกลับออกมาแบบนั้นเลย เขาไม่เคยอยากจะทำเรื่องนี้เลย พ่อเกรซเดินมาและบอกไม่ให้ลินยุ่งกับเกรซอีก หลังจากนั้นข่าวก็ออกเรื่องการโกงข่อสอบ คะแนนทั้งหมดจะถูกยกเลิกและทำการสอบใหม่ ส่วนลินกับเกรซรอลงอายาไว้ 1 ปี เพราะไม่เคยทำความผิด และเรื่องโดนสืบสาวไปถึงคนในโรงงานกับพี่มิวสิกที่มาร่วมมือด้วย ส่วนแบงค์มีประวัติการโกงข้อสอบตัดสินให้เข้าไปฝึกอบรบอยู่ในสวนเยาวชน 1 ปี
ลินได้กลับมาเรียนเทอม 2 วันนี้ก็เป็นวันสอบ ทุกคนในห้องสอบก็มองลินเป็นสายตาเดียวกัน จนครูสั่งให้ทุกคนเลิกมองแล้วลงมือทำข้อสอบได้ พอลินเปิดกล่องดินสองเห็นยางลบนึกถึงเวลาที่เกรซมานั่งทำข้อสอบอยู่หลังเขา และก็นั่งสอบไปทั้งน้ำตาเลย หลังสอบเสร็จ ผอ.ก็เรียกลินเข้ามาพบ ผอ.บอกลินว่าตั้งใจจะให้นักเรียนมอ6 ขึ้นมารับวุตที่หอประชุมใหม่ และคิดไว้ว่าคนที่ขึ้นไปพูดต้องไม่ลินก็แบงค์แน่ๆ นักเรียนที่เรียนดีของผอ.กลับทำเรื่องน่าอาย ลินได้ขอโทษผอ.กับทุกๆเรื่อง ลิยบอกให้ผอ.ไล่เขาออกเลยก็ได้ ผอ.บอกจริงๆโทษของลินก็ต้องโดนไล่ออกเหมือนกันกับแบงค์แต่ยังดีที่ลินไปมอบตัวเขาเห็นว่าลินสำนึกผิดจริงๆลินไม่ต้องมาลาออกก็ได้
แต่ลินต้องช่วยเขาอย่างนึง ปีนี้มีทุนมาใหม่ตัวนึงทุนที่ยากที่สุดเท่าที่เขาเห็นมาลินต้องไปสอบแข่งกับเด็กทั่วประเทศและเขาคิดว่าโรงเรียนนี้มีแค่ลินเท่านั้นที่ทำได้ ลินได้ส่งจดหมดไปหาแบงค์ที่รู้สึกผิด ว่าเขาเสียใจที่ทุกอย่างทำให้แบงค์ได้มารับโทษผิดอยู่คนเดียว ทางด้านของเกรซก็เข้าเรียนมหาลัยแถมไปสมัครเข้าชมรมละครอีกต่างหาก พอแสดงเสร็จรุ่นพี่ก็ให้ออกไปได้ เก็รซลืมกระเป๋าและไปได้ยินรุ่นพี่จะเอาอีกคนที่จ่ายสปอนเซอร์หนัก แต่ถ้าเกรซจ่ายไหวก็จะได้เป็น เกรซได้พูดออกไปถ้าไม่ได้เป็นด้วยความสามารถของเขา เขาไม่เป็นก็ได้
ส่วนด้านพัฒน์เองก็เรียนที่เมืองนอกไม่รู้เรื่องเลย ทำรายงานส่งอาจาร์ยไม่ได้จนพ่อโทรมาบ่น เพื่อนที่นั้นก็แนะนำให้พัฒน์จ้างทำรายงาน แต่พัฒน์ก็ไม่เอาด้วยว่าเขาขอลองทำเองก่อน ตัดไปที่ผอ.ได้เสนอทุนให้ลิน ลินได้ถามผอ.ว่าถ้าเขาสอบติดทุนนี้เขาจะสร้างซื้อเสียงให้กับโรงเรียนมากพอที่จะให้เขาเรียนต่อที่นี้ใช่ไหม ผอ.ว่าเขารู้ว่าลินกำลังคิดอะไรอยู่ แต่ระบบมันเป็นแบบนี้ ลินก็เลยขอบคุณผอ. แต่ลินไม่รับเพราะเขาไม่อยากไปเรียนต่อเมืองนอกแล้ว ถ้าระบบมันจะเป็นแบบนี้เขาขอไม่เข้าไปยุ่งดีกว่า และขอลาออกเอง
ลินได้ไปเยี่ยมแบงค์ที่ศูนย์เยาวชน ลินบอกว่าเขาคิดถึงแบงค์คนที่เก็บลูกโป่งให้เด็กในวันนั้น เขาก็พูดขึ้นมาว่าเขาก็คิดถึงแบงค์คนนั้นเหมือนกัน ลินบอกว่าเขามีแผนให้แบงค์มาทำด้วยกัน แผนของเขาคือเขาจะไม่โกงแล้วเขาจะเล่นตามเกมส์ เขาชวนพัฒน์กับเกรซมาร่วมมือแล้วแผนก็คือลินจะเรียนต่อที่ไทยและจะไปเป็นครูหาทางเข้าไปทำงานในกระทรวงศึกษาให้ได้ เพราะจะต้องมี1คนเข้าไปใกล้ชิดกับระบบศึกษาให้มากที่สุด ส่วนแบงค์ก็ต้องไปเรียนกฎหมายเพราะแบงค์เป็นคนโกงที่ฉลาดที่สุดนาทีนี้ต้องเป็นแบงค์ และคนรุ่งเราจะต้องไม่มีคนโกงแล้ว
ทั้งหมดทั้งมวลนี้ตอกย้ำให้เราเห็นถึงความเหลื่อมล้ำทางการศึกษาอย่างชัดเจนว่า ไม่สำคัญว่าคุณจะเก่งแค่ไหน เพราะสิ่งสำคัญอยู่ที่คนที่มีเงินมากกว่าย่อมสามารถเข้าถึงโอกาสได้ง่ายกว่าคนอื่นๆ นี่คือความจริงอันแสนเจ็บปวดที่นำไปสู่คำถามต่อไปว่า เราควรจะแก้ปัญหานี้อย่างไร เพราะบางทีปัญหาความเหลื่อมล้ำที่กำลังเกิดขึ้นนี้ อาจกำลังบีบคั้นให้ใครสักคนต้อง “โกง” อย่างไม่เต็มใจก็เป็นได้ คะแนน 8/10
รับชมตัวอย่างหนัง : ฉลาดเกมส์โกง
ติดตามข่าวสารหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนัง