Jurassic World: Dominion มนุษย์หรือไดโนเสาร์ฝ่ายใดที่จะอยู่รอด
Jurassic World: Dominion มนุษย์หรือไดโนเสาร์ฝ่ายใดที่จะอยู่รอด
ออกมาให้เหล่าแฟนๆได้เชยชมกันแล้วกับภาพยนตร์ไตรภาคสุดอลังการอย่างเรื่อง “Jurassic World” ซึ่งภาคนี้จะเป็นภาคสุดท้ายที่จะใช้ชื่อว่า “Jurassic World: Dominion” ที่เพิ่งฉายให้ได้ชมกันไปเมื่อวันที่ 8 มิถุนายนที่ผ่านมานี้เอง
ความจริงแล้วภาพยนตร์แฟรนไชส์จูราสสิคนี้เรื่องนี้เป็นลำดับที่ 6 แล้วนับตั้งแต่ “Jurassic Park” ที่เริ่มฉายตั้งแต่ปี 1993 และเหตุการณ์ในเนื้อเรื่องก็ดำเนินติดต่อกันเรื่อยมาจนถึงปัจจุบัน เรียกได้ว่าเป็นจักรวาลเดียวกันเลยล่ะ
หลังจากได้ไปดู “Jurassic World: Dominion” มาแล้ว ต้องบอกเลยว่ากระแสนั้นไปในทางที่ดีมากๆ ย้อนความกลับไปเมื่อตอนปี 2018 ในเรื่อง “Jurassic World 2: Fallen Kingdom” ซึ่งเป็นเรื่องราวคร่าวๆเกี่ยวกับการที่ภูเขาไฟในเกาะไดโนเสาร์กำลังจะประทุขึ้นมา
เหล่าผู้ช่วยเหลือทั้งหลายต่างต้องช่วยกันพาอพยพไดโนเสาร์ออกจากเกาะแห่งนี้ไปให้ได้มากที่สุด จนนำมาสู่การที่ต้องกักเก็บพวกมันไว้ในที่ๆแห่งหนึ่ง หลังจากที่เด็กสาวตัวน้อยนามว่า “เมซี่” ได้พบเห็นความจริงว่าเธอนั้นคือร่างโคลนนิ่งของลูกสาวผู้ร่วมก่อตั้ง “Jurassic Park”
เธอจึงตัดสินใจที่จะปล่อยไดโนเสาร์ทุกตัวที่ถูกกักขังไว้ให้ออกมาผจญกับโลกกว้างด้วยตัวของพวกมันเอง และนั่นจึงนำไปสู่บทสรุปในไตรภาคสุดท้ายของชื่อภาคที่ว่า “Jurassic World: Dominion” หรือชื่อไทยก็คือ ทวงคืนอาณาจักร ความหมายนี้หมายความว่าอย่างไรกันแน่ บทความนี้อาจจะมีคำตอบให้กับหลายๆคน
คำว่า ทวงคืนอาณาจักร นั้นหมายถึงไดโนเสาร์ที่จะมาทวงคืนถิ่นที่อยู่ของมันเองตั้งแต่ยุคที่พวกมันเคยปกครองไปทั่วโลก หรืออาจจะหมายถึงมนุษย์ที่กำลังทวงคืนแผ่นดินเกิดของตัวพวกเขาเองจากการรุกรานจากสัตว์ดึกดำบรรพ์กันแน่? “Jurassic World: Dominion” นั้นเล่าเรื่องได้อย่างเรียบง่าย ไม่มีอะไรน่าซับซ้อน เข้าใจง่ายเป็นอย่างดี
เปิดเรื่องมาก็มีการเกริ่นถึงความเดิมจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และนำไปสู่เหตุการณ์อะไรต่อไปบ้าง อย่างเช่น เมื่อไดโนเสาร์ได้ออกมาโลดแล่นอยู่ร่วมไปกับผู้คน พวกมันได้สร้างความวุ่นวายต่อมนุษย์มากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการขวางการจราจร หรือแม้แต่การเดินเรือ หรือทางเครื่องบินที่เป็นอุปสรรคมากขึ้น ผู้คนต้องพบกับการปรับตัวมากแค่ไหนเมื่อไดโนเสาร์มาใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา
เปิดเรื่องมาก็มีการเกริ่นถึงความเดิมจากเหตุการณ์ในภาคที่แล้วว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง และนำไปสู่เหตุการณ์อะไรต่อไปบ้าง อย่างเช่น เมื่อไดโนเสาร์ได้ออกมาโลดแล่นอยู่ร่วมไปกับผู้คน พวกมันได้สร้างความวุ่นวายต่อมนุษย์มากแค่ไหน ไม่ว่าจะเป็นการขวางการจราจร หรือแม้แต่การเดินเรือ หรือทางเครื่องบินที่เป็นอุปสรรคมากขึ้น ผู้คนต้องพบกับการปรับตัวมากแค่ไหนเมื่อไดโนเสาร์มาใช้ชีวิตร่วมกับพวกเขา
ภาพยนตร์นั้นยังคงใส่ใจในความมหัศจรรย์ด้านการตัดต่อพันธุกรรม ด้านวิทยาศาสตร์ โดยเฉพาะการวิจัยเกี่ยวกับการสร้างเทคโนโลยีด้านนวัตกรรมเกี่ยวกับยีนส์ในรูปแบบใหม่ที่จะเอามาปรับปรุงพัฒนาให้กับไดโนเสาร์และรวมไปถึงประยุกต์นำมาปรับใช้กับตัวมนุษย์ด้วย โดยการนำเด็กสาว “เมซี่” จากภาคที่แล้วมาเป็นคนดำเนินเรื่อง ซึ่งเธอคือกุญแจสำคัญในการจะทำให้เกิดวิวัฒนาการของไดโนเสาร์และมนุษย์ไปยังขั้นต่อไป
การกลับมาของสามตำนานอย่าง แซม นีลล์, ลอร่า เดิร์น, และ เจฟฟ์ โกลด์บลัม จากเรื่อง “Jurassic Park” นั้น พวกเขาทั้งสามยังคงสร้างความน่าอัศจรรย์ในการผจญภัยที่ต้องเอาตัวรอดจากเหล่าไดโนเสาร์มากหน้าหลายตาอยู่ดี เรียกได้ว่าเป็นการเซอร์วิสคนดูได้เป็นอย่างดี เรียกความน่าคิดถึงได้เป็นอย่างมากเลยล่ะ ประกอบกับการได้พบฉากแอ็คชั่นหนีกันจ้าละหวั่นในฉากที่ต้องหนีไดโนเสาร์ที่บุกเมืองนั้น ทำเอาเหล่าคนดูลุ้นระทึกและตื่นเต้นไปพร้อมๆกัน
การสู้กันของของไดโนเสาร์เองนั้นก็เป็นอะไรที่สุดอลังการมากๆ พร้อมกับการได้เห็นไดโนเสาร์ที่หลากหลายสายพันธุ์มากขึ้น จากหลายยุคอีกด้วยเช่นกัน งานนี้ต้องบอกเลยว่าไม่ใช่เพียงแค่ยุคจูราสสิคเท่านั้นที่จะมาทวงคืนอาณาจักร ยุคคลีเตเชียสเองก็เข้าร่วมด้วยเช่นเดียวกัน
บอกได้เลยว่าเหล่าแฟนๆไดโนเสาร์ต้องภาคภูมิใจอิ่มเอมใจมากๆกับได้เห็นไดโนเสาร์เยอะแยะมากมายขนาดนี้ เรียกได้ว่าเป็นการปิดเรื่องราว “Jurassic World” ไตรภาคที่เป็นบทสรุปส่งท้ายได้อย่างดีทีเดียว
หากแฟนๆไดโนเสาร์อยากรู้ว่าฝ่ายไหนกันแน่นะที่จะมาครองอาณาจักรแห่งโลกใบนี้ พลาดไม่ได้แล้วกับ Jurassic World: Dominion รับชมกันได้แล้วทั่วโรงภาพยนตร์
ติดตามข่าวสารหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนังภาพยนตร์