รีวิวหนังใหม่ล่าสุด

รีวิวหนัง Netflix | love and leashes : รักจูงรัก

รีวิวหนัง Netflix | love and leashes : รักจูงรัก

รีวิวหนัง Netflix | love and leashes : รักจูงรัก

เรียกได้ว่าเหมาะกับเดือนของความรักจริง เมื่อกระแสหนัง love and leashes ฮิตติดกระแสหนักมาก คือมันทั้งสนุกและเฮฮามาก ด้วยความยาวเพียงแค่เกือบ 2 ชั่วโมง แต่ความสนุกได้รับไปแบบจุก เว่อร์

โดยหนังเรื่อง love and leashes เป็นหนังที่เราดูได้ทาง Netflix ที่ขอบอกเลยว่าตัวหนังคือสนุกมาก แบบสนุกจริง ไม่แปลกใจเลยทำไมหนังถึงมีกระแสดีขนาดนี้ แถมได้รับคะแนนความสนุกไปถึง 93 เต็ม ร้อยกันเลยทีเดียว ใครที่ยังไม่ได้ดูต้องไปตำแล้วล่ะ ขอบอกไว้ตรงนี้ก่อนเลยว่า มีฮาน้ำตาเล็ดแน่นอนจ้า 

เรื่องย่อซีรีส์ love and leashes

นอกจากความสนุกแล้ว พระเอก และ นางเอกในเรื่องคือแบบน่ารักมาก เคมีเข้ากันดีมาก ดูแล้วหัวใจละลายเลย รู้สึกเอ็นดูแบบบอกไม่ถูก ด้วยความที่ตัวหนังมีพล็อตเรื่องที่แปลกใหม่ด้วยมั้ง แถมทำออกมาได้สนุกมากด้วย เอาจริง ถ้าไม่แนะนำให้ไปหาดูคือรู้สึกผิดไปตลอดชาติเลยอ่ะ เนื้อหาหนังก็จะเป็นประมาณแบบรักว้าวุ่นของหนุ่มสาวออฟฟิศประมาณนี้

โดยเรื่องราวของหนัง ก็จะมาจาก ชองจีอู พนักงานสาว PR แสนสวย ที่ไม่เคยรู้ตัวมาก่อนว่ารสนิยมทางเพศของตัวเองคือชอบการควบคุม และ ชองจีฮู  พนักงานหนุ่ม รองหัวหน้าทีมที่ชื่นชอบการเป็นทาสรักมากถึงมากที่สุด โชคชะตา ฟ้าลิขิตอีท่าไหนก็ไม่รู้ ได้นำพาทั้งสองคนให้มาเจอกัน เรื่องราวรักสุดวายป่วงนี้จะเป็นอย่างไรต่อไปนะ ว่าแต่ความสัมพันธ์แบบนี้มันคืออะไรกัน ก็ต้องไปติดตามความสนุกนี้กันได้เลย

แต่แค่รักวุ่น มันจะไปสนุกอะไร ตัวหนังได้นำเสนอความสัมพันธ์หนุ่มสาวแบบ BDSM ด้วยแหละ (อารมณ์แบบยอมให้อีกฝ่ายทำทุกอย่างตามที่ต้องการ อารมณ์แบบทาสชายนายหญิง ที่ชื่นชอบความซาดิสและความรุนแรง) แต่เดี๋ยวก่อน หลาย คนเห็นคำว่ารุ่นแรง แล้วจะคิดว่ามันโหดร้ายใช่มั้ย ถึงจะเป็นแนว BDSM แต่ขอบอกว่าไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด แถมขายขำมากเว่อร์ คือมันจะทำให้เราเข้าใจความสัมพันธ์รูปแบบนี้ได้มากขึ้น

แถมเรายังรู้สึกเอ็นดูด้วย ความรุนแรงจะมาในรูปแบบคำพูดกระตุ้นอารมณ์ การกระทำที่รุนแรงให้อารมณ์คล้าย กับ 365 DNI ประมาณนี้ แต่สนุกและขายขำมากกว่า เพราะเป็นหนังรักโรมแมนติก ผสมคอเมดี้ รับรองว่าดูแล้วเบาสมอง แถมคลายเครียดได้เป็นอย่างดีเลยแหละ ใครที่ไม่รู้จะหาหนังสนุก เรื่องอะไรดู แนะนำหนังเรื่อง love and leashes นี้แหละ ไม่มีผิดหวังแน่นอน

จากเนื้อเรื่องซีรีส์ love and leashes

Love and Leashes หรือในชื่อภาษาไทยว่า รักจูงรัก ภาพยนตร์โรแมนติกคอมเมดี้สร้างจากเว็บตูนชื่อดังเรื่อง Moral Sense ผ่านฝีมือของ ผู้กำกับพัคฮยอนจิน ซึ่งเคยถ่ายทอดเรื่องราวความรักกินใจผู้คนมาแล้วมากมายจากภาพยนตร์ Like for Likes (2016) 

โดยครั้งนี้เป็นการนำเสนอเรื่องราวความรักระหว่าง ชองจีอู (รับบทโดย ซอฮยอน) พนักงานบริษัทผลิตสื่อสำหรับเด็ก กับรองผู้จัดการคนใหม่ในแผนกเดียวกันอย่าง ชองจีฮู (รับบทโดย อีจุนยอง) ซึ่งมีรสนิยมทางเพศมาขับเคลื่อนความสัมพันธ์ในครั้งนี้

เนื้อเรื่องไม่ได้มีอะไรซับซ้อน เริ่มต้นจากการนำชื่อของตัวละครหลักที่ออกเสียงคล้ายกันมาสร้างอุบัติเหตุให้เป็นชนวนสำคัญของเรื่องทั้งหมด เมื่อวันดีคืนดีพัสดุของชองจีฮูซึ่งบรรจุปลอกคอสุนัขประดับด้วยหนาม ของเล่นสำหรับผู้ใหญ่ที่ใช้ในการทำกิจกรรมทางเพศได้ตกไปอยู่ในมือของชองจีอูเนื่องด้วยความเข้าใจผิด ฝ่ายหญิงจึงเริ่มศึกษาและทำความเข้าใจรสนิยมเฉพาะตัวของฝ่ายชายที่เรียกว่า BDSM จนนำไปสู่ความสัมพันธ์แบบทาสชายกับนายหญิงที่ถอนตัวได้ยาก

Love and Leashes รักจูงรัก 3พูดถึงรสนิยมทางเพศแบบ BDSM ความจริงหนังค่อนข้างให้คำอธิบายได้อย่างละเอียดและถี่ถ้วนพอสมควร แต่พูดให้เข้าใจประเด็นในเรื่องอย่างง่ายที่สุดคือความสัมพันธ์ที่ฝ่ายหนึ่งเป็น ผู้ออกคำสั่ง หรือเรียกว่า ดอม (Dom) ย่อมาจาก Dominance และอีกฝ่ายหนึ่งเป็น ผู้ยอมทำตาม หรือเรียกว่า ซับ (Sub) ซึ่งย่อมาจาก Submission โดยในเรื่องทั้งคู่ตกลงปลงใจด้วยการทำสัญญาและจัดสรรเวลาเพื่อทำกิจกรรมต่าง ๆ ภายใต้กรอบและกติกาที่ตั้งไว้อย่างเคร่งครัด

ต่อจากนั้นหนังพาดูไปทำความเข้าใจกับกิจกรรมทางเพศแบบ BDSM อย่างลึกซึ้ง ด้วยสารพันอุปกรณ์อย่างที่เราเคยเห็นในภาพยนตร์เรื่องอื่นมานักต่อนัก แต่สิ่งที่ทำได้ดีคือการลงลึกให้ผู้ชมเข้าใจถึงบทบาทที่ชัดเจนของผู้เล่นแต่ละฝ่าย หรือแม้กระทั่งการทำให้รู้ว่ากิจกรรมที่ทั้งคู่ทำลงไปจะต้องออกลวดลายยั่วยวนเรื่องเพศก็ตาม แต่ท้ายที่สุดอาจไม่ได้จบลงที่การมีเพศสัมพันธ์เสมอไป เป็นเพียงการเล่นบทบาทสมมติให้ฝ่ายชายเป็นสุนัขและฝ่ายหญิงเป็นเจ้านายเพียงเท่านั้นก็ฟินได้แล้ว

Love and Leashes รักจูงรัก 4คราวนี้มาว่ากันถึงการจัดเรตผู้ชมที่อายุ 18 ปีขึ้นไป ซึ่งเป็นเรื่องธรรมดาที่มีการหยิบยกประเด็นทางเพศมาเป็นแกนหลักในการเล่าเรื่อง แต่หากคาดหวังว่าจะมีฉากโป๊เปลือยระดับหนังประเภทเดียวกันอย่าง Fifty Shade of Grey (2015-2018) คงไม่ขนาดนั้น 

เรียกว่าเป็นการถ่ายทอดความเซ็กซี่ของฉากเลิฟซีนออกมาด้วยท่าทาง เสียง และบรรยากาศรอบข้าง มากกว่าการเปิดเผยเนื้อหนังมังสาของนักแสดงให้เห็นกันจะ ๆ แต่ถึงอย่างไรคงต้องหาพื้นที่ส่วนตัวในการรับชมกันอยู่บ้าง เพราะบางฉากบางตอนเต็มไปด้วยเสียงที่อาจจะทำให้คนข้าง ๆ แอบกลืนน้ำลายตามก็เป็นได้

Love and Leashes รักจูงรัก 5อีกหนึ่งประเด็นที่ Love and Leashes นำเสนอออกมาได้ทัชใจผู้ชมนอกเหนือจากการพูดถึงรสนิยมทางเพศอย่างเปิดเผย ยังหยิบยกปัญหาสังคมที่เกี่ยวข้องกับเรื่องเพศมาตีแผ่อย่างน่าประทับใจ ไม่ว่าจะเป็นการกดขี่ทางเพศในที่ทำงานด้วยการใช้คำพูดหรือการกระทำตัดสินว่าผู้หญิงด้อยกว่าผู้ชาย เป็นการตอกย้ำและเสียดสีสังคมปิตาธิปไตยทั่วโลกได้อย่างเจ็บแสบ อีกทั้งยังพูดถึงความเท่าเทียมของมนุษย์ในประเด็นอื่นแทรกไว้อีกหลายฉากหลายตอนเช่นเดียวกัน

ใจความสำคัญของภาพยนตร์เรื่องนี้คงเป็นการปลูกฝังให้ทุกคนในสังคมเข้าใจว่ารสนิยมทางเพศส่วนบุคคลเป็นเรื่องปกติ แม้บางรายอาจมีความชอบเซ็กส์แบบรุนแรง ใช้ท่าทางหรืออุปกรณ์เสริมอื่นใดที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเรื่องพิศดาร แต่ท้ายที่สุดหากเป็นการตกลงปลงใจของทั้งสองฝ่ายและไม่ทำให้ใครเดือดร้อน ประเด็นดังกล่าวจึงไม่ใช่ปัญหาสังคมที่คนอื่นต้องตัดสินพวกเขาด้วยการปาหินตีตราว่าเป็นพวกโรคจิต หรือแม้กระทั่งการไล่ให้ไปพบจิตแพทย์อย่างที่ภาพยนตร์ได้นำเสนอ

Love and Leashes รักจูงรัก 6ในความสัมพันธ์ของคู่พระนางซึ่งเกิดขึ้นภายใต้ข้อตกลงร่วมกันเป็นเวลาสามเดือน แต่เมื่อหมดสัญญาทั้งคู่ต้องแยกย้ายกันไปใช้ชีวิตตามปกติ แต่ตามสูตรสำเร็จของหนังรอมคอมทั่วไปย่อมต้องมีอีกฝ่ายรู้สึกเกินเลยอยากต่อไม่อยากจบ เช่นเดียวกันกับเรื่องนี้ที่คาดเดาได้ว่าต้องมี แม้จะไม่ได้หักมุมอะไรแต่กลับเป็นปัญหาที่ทำให้เจอจุดสะดุดจนเสียอรรถรสจนได้

ปัญหาที่ว่าเกิดจากข้อจำกัดในการเป็นภาพยนตร์ความยาวเพียงสองชั่วโมง จึงทำให้พื้นที่ในการเล่าความสัมพันธ์ของตัวละครรวดเร็วจนดูเหนือจริง เรียกว่าพบกันเพียงสองสามครั้งแต่ไม่รู้มีอะไรดลใจให้คนธรรมดาคนหนึ่งสามารถเข้าใจอีกฝ่ายได้อย่างถ่องแท้ จนยอมเปิดเผยตัวตนเป็นคู่ทาสชายกับนายหญิงได้อย่างง่ายดาย 

หรือแม้จะพบกับปัญหาคอขาดบาดตายเกี่ยวข้องกับชีวิตการทำงานซึ่งเป็นเรื่องใหญ่มากของสังคมเกาหลี แต่ทั้งคู่กลับใช้ความรู้สึกนำทางเมินปัญหาและก้าวข้ามได้อย่างไร้บาดแผล จุดนี้จึงดูแฟนตาซีไปหน่อยกับตัวละครที่เป็นปุถุชนคนธรรมดา แต่เมื่อมีคำว่ารอมคอมครอบไว้จึงพอเข้าใจและปล่อยผ่านไปได้

Love and Leashes รักจูงรัก 7สิ่งที่พิเศษมากคือเคมีของคู่พระนาง อีจุนยองที่หลายคนมักติดภาพการรับบทเป็นไอดอลจากซีรีส์หลายเรื่องที่ผ่านมาไม่ว่าจะเป็น Imitation (2021) และ Let’s Me Be Your Knight (2021) มาเรื่องนี้ฉีกแนวออกไปอย่างชัดเจนและถ่ายทอดได้อย่างเป็นธรรมชาติ 

สมกับการเพิ่มน้ำหนักกว่าสิบกิโลกรัมและเรียนรู้ท่าทางพฤติกรรมของสุนัขสายพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ มาปรับใช้ให้เข้ากับบทบาททาสชาย ทั้งเห่า หมอบ และคลานได้อย่างสมจริง โดยเฉพาะความขี้อ้อนที่มีต่อนางเอกอย่างซอฮยอนมันช่างเข้ากันดี ความกุ๊กกิ๊กน่ารักแผ่ซ่านจนทำให้อยากดูต่อไปจนจบโดยไม่ต้องกดข้าม

ภาพรวมจึงถือเป็นหนังรอมคอมที่ครบรสในทุกเส้นเรื่อง ตีแผ่ประเด็นทางเพศได้อย่างเฉียบคม ผสมไปด้วยความน่ารักกุ๊กกิ๊กของคู่พระนาง สอดแทรกมุกตลกเข้ามาอย่างถูกจังหวะ การดำเนินเรื่องไม่หวือหวาแต่เข้าถึงใจ เหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่หน้าปกและพล็อตเรื่องดูเซ็กซี่ แต่ข้างในมีดีมากกว่าเรื่องเสียว

  • การดำเนินเรื่องไม่หวือหวาแต่เข้าถึงใจ เหมาะกับการดูเพื่อผ่อนคลายในช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์นี้เป็นอย่างยิ่ง เรียกว่าเป็นภาพยนตร์ที่หน้าปกและพล็อตเรื่องดูเซ็กซี่ แต่ข้างในมีดีมากกว่าเรื่องเสียว คะแนน 8/10

รับชมตัวอย่างหนัง : รักจูงรัก

ติดตามข่าวสารหนังเพิ่มเติม : รีวิวหนัง

รีวิวหนังเรื่องอื่น ๆ เพิ่มเติม

รีวิวหนังน่าสนใจ